นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการจริยธรรม สนช. ที่พิจารณาคำร้องกรณี 7 สมาชิก สนช. ถูกกล่าวหาว่าขาดการลงมติจนอาจพ้นสมาชิกภาพความเป็น สนช. ว่า วันนี้ที่ประชุมมีมติรับคำร้องของสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และให้ครั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ ประกอบด้วยร้อยตำรวจตรี พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด , นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ , และนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ กรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นสมาชิก สนช.ทั้งหมดที่เคยทำงานด้านนิติธรรม โดยจะมีเวลาทำงานทั้งหมด 30 วัน แต่คาดว่าคงใช้เวลาเร็วกว่าที่กำหนด เพราะสมาชิกสนช. ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คน ต้องการชี้แจงเพื่อให้สังคมมีความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้

          รองประธาน สนช. กล่าวว่า เบื้องต้นแล้ว ประธาน สนช. ระบุว่าสมาชิกทั้ง 7 คน มีการลาลงมติถูกต้อง และไม่เข้าข่ายขาดสมาชิกภาพ และตั้งแต่การตั้ง สนช. ขึ้นมา มีการประชุมเพียง 200 กว่าครั้งเท่านั้น ซึ่งไม่ตรงกับที่มีการกล่าวหาว่ามีการลาถึง 395 ครั้ง และยืนยันว่าข้อมูลการลงมติเป็นข้อมูลเปิดเผย ยกเว้นแต่การประชุมลับเท่านั้น ซึ่งรายละเอียดการลงมติของสมาชิกทั้ง 7 คน ต้องขอไปดูรายละเอียดอีกครั้งก่อน และจะชี้แจงในสัปดาห์หน้า

          ส่วนการทวงถามมาตรฐานการรับเงินเดือนกรณีสมาชิกไม่เข้าประชุม นายพีระศักดิ์กล่าวว่า สนช. มีระบะการหักเงินเดือนอยู่แล้วหากสมาชิกขาดการประชุมโดยไม่มีการลา และที่ผ่านมาก็มีสมาชิกบางส่วนที่ไม่ได้ลาก็ถูกตัดเงินตามระบบ พร้อมย้ำถึงเหตุผลที่ต้องมีบุคคลซึ่งมีตำแหน่งอื่นๆ เข้ามาเป็นสมาชิก สนช. เพราะ คสช. คำนึงถึงปัญหาในอดีต ที่ต้องมีความจำเป็นให้มีบุคคลสำคัญในสภา ประกอบกับสภานี้ไม่ได้เป็นสภาที่ต้องมีการถ่วงดุลอะไรมากมาย แต่ต้องการเน้นประสิทธิภาพในการทำงาน

          ทั้งนี้มีรายงานว่า พลเอกปรีชา จันทร์โอชา สมาชิก สนช. อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และน้องชายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สมาชิกสนช. ที่ถูกกล่าวหา ได้เข้าประชุม สนช. ในวันนี้