นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมแถลงข่าว ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” โดยมีหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายอนุทิน กล่าวว่า ช่วงวันหยุดปีใหม่ 2564 (29 ธันวาคม 2563 - 4 มกราคม 2564) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,333 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 392 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,326 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว 33.60% และดื่มแล้วขับ 33.06% ดังนั้น เทศกาลปีใหม่ 2565 ที่จะมาถึงนี้ ซึ่งประเทศไทยยังอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ขอให้ประชาชนยังคงเข้มงวดมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย
หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง โดยคิดเสมอว่าตัวเราและคนที่อยู่รอบตัวอาจเป็นผู้ติดเชื้อ ส่วนการเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยว ขอให้ ยึดหลัก “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” และมาตรการ ไม่เมา หากไปงานเลี้ยงและต้องขับรถ ต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ สวมหมวก สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อลดความรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ ใส่แมสก์ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น เมื่อต้องเข้าแหล่งชุมชน ช่วยป้องกันการรับและแพร่เชื้อโควิด 19
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนได้ขอให้ อสม. ทั่วประเทศร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และท้องถิ่น ดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยประเมินอาการมึนเมา และคัดกรองผู้ขับขี่ที่ดื่มแล้วขับ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ออกไปขับรถบนถนน รวมทั้งให้ช่วยสอดส่องเฝ้าระวังร้านค้าในชุมชนไม่ให้ฝ่าฝืนกฎหมาย จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกสถานที่และเวลาที่ห้ามจำหน่าย โดยเฉพาะห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี นอกจากนี้ยังช่วยเคาะประตูบ้าน สื่อสารความรู้ในการดูแล ป้องกันอุบัติเหตุไปถึงคนในชุมชน เพื่อลดอุบัติเหตุอีกทางหนึ่ง
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั้งส่วนกลางและจังหวัดเพื่อประสานและสนับสนุนการทำงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด / โรงพยาบาล ฝึกทักษะการช่วยเหลือผู้ป่วยบาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉินให้กับชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นของ อปท. เตรียมความพร้อมศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทีมปฏิบัติการฉุกเฉิน (EMS) ของโรงพยาบาลและเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทุกระดับ รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการทางอากาศและทางเรือ มีหน่วยกู้ชีพ ทั้งระดับพื้นฐานและระดับสูงประจำบนเส้นทางถนนสายหลักที่มีจุดตรวจ/จุดบริการอยู่ห่างกันมาก เพื่อให้การรักษาพยาบาลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนโรงพยาบาลทุกแห่งมีการเพิ่มจำนวนบุคลากรเป็น 120-130% เตรียมพร้อมห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้อง ICU และระบบส่งต่อ ให้บริการเจาะเลือดตรวจระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุตามที่ตำรวจร้องขอ นอกจากนี้ให้เตรียมป้องกันเหตุความรุนแรงในสถานพยาบาลโดยประสานตำรวจท้องที่ตรวจความเรียบร้อยเป็นระยะ หากมีผู้เข้ารับการรักษาจากเหตุทะเลาะวิวาท ให้ส่งกำลังพลมาเตรียมพร้อมระงับเหตุและดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุขั้นเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วย และญาติ ที่มารับบริการ
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ผ่านมายังพบร้านค้ากระทำผิดทั้งการขายสุราในสถานที่ และเวลาที่ห้ามขาย รวมถึงขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จึงได้เน้นย้ำให้หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ทำงานเชิงรุกโดยช่วงก่อนเทศกาล จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจเตือน /ประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ และในช่วงเทศกาลให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการเพื่อป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขอให้ประชาชนช่วยสอดส่องดูแลหากพบการขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ห้ามขาย เช่นใน ปั๊มน้ำมัน สถานที่ราชการ สถานศึกษา สถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา สวนสาธารณะของทางราชการ รวมถึงขายในเวลาที่ห้ามขาย การเร่ขาย และการโฆษณาส่งเสริมการขายให้แจ้งศูนย์ร้องเรียนบุหรี่และสุรา สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โทร 0 2590 3342 หรือสายด่วน 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ สสส. มีมาตรการสำคัญได้แก่ 1.สนับสนุนคณะทำงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) 76 จังหวัด หนุนเสริมการทำงานลดอุบัติเหตุในระดับพื้นที่ 2.สนับสนุน “ตำบลขับขี่ปลอดภัย” กว่า 800 ตำบลทั่วประเทศ ทำงานเชิงรุกลดอุบัติเหตุ เน้นกลุ่มเสี่ยงคือผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 3.สนับสนุนเครือข่ายกองร้อยอาสาจราจร และเครือข่ายอาสาสมัคร ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 เน้นการตั้งด่านชุมชนป้องปรามไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และบูรณาการการเฝ้าระวังโควิด 19 และ 4.สื่อสารรณรงค์ภายใต้แคมเปญ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” เตือนสตินักดื่มแล้วขับ ว่า “รับไหวหรือ? ปีใหม่นี้”
สสส. ชวนช่วยกันลดพฤติกรรมเสี่ยง ลดความสูญเสีย เพื่อให้ทุกคนได้ฉลองในเทศกาลปีใหม่นี้อย่างปลอดภัย