ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลับหลัง นายพรชัย โควสุรัตน์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี จำเลยในคดีกล่าวหาทุจริต 2 คดี คือ 1. คดีทุจริตก่อสร้างสะพาน วงเงิน 2.7 ล้านบาท และ 2. คดีทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี งบอุดหนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 2550 ที่มีองค์การค้าของคุรุสภา ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหลบหนีคดี หลังจากไม่เดินทางมารับฟังคำพิพากษาตามนัดหมายของศาล เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา
โดย ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก นายพรชัย เป็นเวลา 20 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนจำเลยอีก 2 ราย ให้ยกฟ้อง
ส่วน คดีทุจริตก่อสร้างสะพาน วงเงิน 2.7 ล้านบาท มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี สำหรับจำเลยอีก 1 ราย ให้ยกฟ้อง
นอกจากนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ยังได้สั่งออกหมายจับนายพรชัยมารับโทษตามคำพิพากษาทั้ง 2 คดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ได้สั่งออกหมายจับตัวนายพรชัยให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 แต่ยังไม่ได้ตัวนายพรชัยมา ขณะที่หมายจับดังกล่าวหมดอายุไปแล้ว
สำหรับความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัว นายพรชัย ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ปัจจุบันยังไม่มีรายงานความคืบหน้าแต่อย่างใด ข้อมูลการหลบหนีของนายพรชัย ที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นทางการในช่วงที่ผ่านมา คือ คำแถลงของ สำนักงานศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ที่ระบุว่า ศูนย์ควบคุมติดตามการปล่อยตัวชั่วคราวและการบังคับตามคำสั่งศาลโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำนักงานศาลยุติธรรมได้ตรวจพบว่าชุดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ติดตามตัวนายพรชัยขัดข้องและได้เปลี่ยนชุดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แก่นายพรชัยตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2564 และในระหว่างวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ไม่พบความผิดปกติของอุปกรณ์
ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริการประชาชนของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้รับแจ้งจากศูนย์ควบคุมฯว่าสายรัดอุปกรณ์ที่ติดให้แก่นายพรชัยถูกทำลาย ศูนย์ควบคุมฯติดต่อไปยังนายพรชัยและบุคคลอ้างอิงแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้
โดยในระบบแจ้งว่าสายรัดถูกทำลายเมื่อเวลา 03.45 น. ของวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริการประชาชนฯ จึงได้ติดต่อไปยังนายพรชัยทางโทรศัพท์แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และได้ติดต่อไปยังบุคคลอ้างอิงของนายพรชัยแล้วได้รับแจ้งเพียงว่าบุคคลอ้างอิงไม่ได้พักอาศัยอยู่กับนายพรชัย และไม่ได้ติดต่อกับนายพรชัยเป็นเวลานานแล้วไม่ทราบว่านายพรชัยอยู่ที่ใด ซึ่งถือว่านายพรชัยมีพฤติการณ์ที่อาจจะหลบหนี หรือฝ่าฝืนเงื่อนไขตามคำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริการประชาชนฯ จึงได้รายงานพฤติการณ์ดังกล่าวให้ศาลทราบ เมื่อถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 อันเป็นกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ นายพรชัยไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 จึงมีคำสั่ง ออกหมายจับนายพรชัย และปรับนายประกันเต็มตามสัญญา มิได้เป็นการปล่อยปละละเลยหรือไม่ดูแลการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่อย่างใด
หากนับรวมระยะเวลาตั้งแต่นายพรชัย หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 จนถึงปัจจุบัน จะมีระยะเวลารวมทั้งสิ้น 49 วันแล้ว