กระทรวงการคลัง รายงานหนี้สาธารณะของประเทศไทย สิ้นเดือน พ.ย. 2564 อยู่ที่ 9.62 ล้านล้านบาท หรือ 59.58% ของจีดีพี ซึ่งใกล้ทะลุ 60% ต่อจีดีพี ซึ่งเป็นกรอบความยั่งยืนทางการคลังเก่า ก่อนที่ คณะรัฐมนตรีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีมติเห็นชอบให้ขยายเพดานการก่อหนี้ได้ถึงไม่เกิน 70% ของจีดีพี เพื่อให้ประเทศมีช่องในการกู้เงิน ที่มีความจำเป็นต้องกู้จำนวนมากเพื่อฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

หนี้สาธารณะไทยเดือน พ.ย. 2564 สูงกว่าเดือนก่อนหน้ากว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากมีการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ 2565 และการกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อแก้ปัญหาโควิด 5 แสนล้านบาท ที่ในเดือน พ.ย. 2564 มีการกู้เพิ่มอีกเกือบ 1 แสนล้านบาท ทำให้ยอดการกู้รวม 2.29 แสนล้านบาท เหลือเงินกู้ที่ยังไม่ได้ใช้อีกประมาณ 2.5 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพียังไม่เกิน 60% ต่อจีดีพี ส่วนหนึ่งมาจากมูลค่าจีดีพีเดือน พ.ย. 2564 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 16.14 แสนล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 16.10 แสนล้านบาท

ทั้งนี้จากการระบาดของโควิดโอมิครอน ทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า รัฐบาล จะต้องออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก เพื่อมาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ การเปิดประเทศยังทำไม่ได้ตามแผน ทำให้ยังมีธุรกิจขนาดเล็กต้องปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก และมีคนตกงานเพิ่มมากขึ้น รวมถึงคนที่มีงานทำอยู่ก็ได้รายได้ลดลง ทำให้ไม่พอใช้จ่ายทำให้ต้องไปกู้ทั้งในและนอกระบบทำให้หนี้ครัวเรือนของประเทศไทยอยู่ในระดับสูง