ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ประจำอปท.นิวส์ ย้อนกลับ
การมีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์ทับซ้อน
02 ม.ค. 2565

เขียนให้คิด : โดย ซีศูนย์

การมีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์ทับซ้อน

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน เวลาช่างรวดเร็วไม่รอใคร นี่เริ่มปีใหม่อีกแล้วครับ ขอให้ท่านผู้อ่าน อปท.นิวส์ มีความสุข ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโควิท-19 ครับช่วงนี้หลาย อบต. รอให้ กกต.รับรอง ขอให้โชคดีได้เข้าไปบริหารงานท้องถิ่นด้วยความโปร่งใส ใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่า ประหยัด มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล แล้วท่านจะห่างไกลจาก ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท.ครับ

มาตอนนี้อาจเป็นอุทธาหรณ์ให้ท่านนายก อบต.ใหม่หมาดๆ ได้ทราบบ้างครับ เรื่องนี้หลายท่านคงไม่ทราบว่า เรื่องการมีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์ทับซ้อน นอกจากมีเขียนไว้ในกฎหมายอาญาแล้ว กฎหมายของ ป.ป.ช. เขามีเรื่องการมีส่วนได้เสียไว้เป็นการเฉพาะด้วยครับ ซึ่งทาง ป.ป.ช.เขากำหนดให้ใช้บังคับกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีแล้ว ยังรวมถึงภรรยาและผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส อีกทั้งยังกำหนดให้ใช้กับท่านนายก รองนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย และยังรวมไปถึงภรรยาและผู้ที่อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสเช่นกัน

มาฟังเรื่องนี้ครับ เกิดที่ อบต.แห่งหนึ่ง มีการกล่าวหานายก อบต.ว่า นำห้างหุ้นส่วนจำกัดของตัวเองไปเป็นคู่สัญญาใน อบต.ที่ตนเองเป็นนายกอยู่ เรื่องมีว่า นายหนู ชื่อสมมตินะครับ ไปจดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด จัมโบ โดยนายหนูเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และนายไก่เป็นผู้ถือหุ้น มีที่ทำการอยู่ที่บ้านของนายหนูเอง ต่อมานายหนูขายบ้านหลังนี้ให้พี่สาวตัวเอง และได้มีการนำไปให้คนอื่นเช่าอาศัย แสดงว่านายหนูไม่ได้ใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ทำการของห้างฯ ตามที่ตนจดทะเบียนไว้เลย ทั้งนายหนูก็ไม่มีรถตัก รถแบคโฮไว้ทำมาหากินแต่อย่างใด พูดง่ายๆ คือ ไม่ได้รับเหมาจริงๆ นะครับ

ส่วนนายไก่ผู้ถือหุ้นเป็นลูกจ้างของ อบต.ที่มีนาย ม้า ชื่อสมมตินะครับ เป็นนายก อบต.ที่เกิดเหตุนั้น นายกม้าคนนี้นอกจากเป็นนายก อบต.แล้ว แกยังรับถมดิน โดยความจริงแกใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด จัมโบที่นายหนูไปจดทะเบียนนั้นเอง และนายกม้าก็มีรถบรรทุก รถแบคโฮหลายคันที่ติดสติกเกอร์หน้ารถเป็นชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดจัมโบนั้นเช่นกัน นายกม้าได้ให้นายไก่เป็นคนคุมดูแลกิจการแทน ตัวเองไปนั่งเป็นนายก อบต. ทีนี้นายกม้ามีภรรยาไม่ได้จดทะเบียนกันชื่อนางสาวสะสวย ซึ่งเป็นลูกสาวของนายเต่า และทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของ อบต. นายกม้ากับนางสาวสะสวยพักอยู่ที่บ้านนายเต่า และยังใช้บริเวณบ้านของนายเต่าพ่อตาตนเป็นที่จอดรถบรรทุกรถแบคโฮหลายคัน

จากการตรวจสอบทะเบียนรถปรากฏว่า มีชื่อนางสาวสะสวยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิและผู้ประกอบการขนส่ง ต่อมา อบต.แห่งนี้มีโครงการขุดลอกล้อมที่สาธารณประโยชน์และโครงการถมสระน้ำข้าง อบต. แต่ละโครงการวงเงินไม่ถึงห้าแสนบาทขณะนั้นยังใช้ระเบียบพัสดุของท้องถิ่นอยู่ จึงใช้วิธีตกลงราคาได้ ปรากฎว่า ทั้งสองโครงการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จัมโบเข้าเป็นคู่สัญญากับ อบต. พอมีเรื่องร้องเรียนขึ้น เจ้าหน้าที่ไปไต่สวนก็มีนักวิชาการพัสดุของ อบต.นั้นให้การว่า นายกม้าเป็นผู้นำเอกสารตกลงราคาของห้างหุ้นส่วนจำกัด จัมโบ ทั้งสองโครงการมายื่นให้ทำรายงานขอจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ โดยนายกม้าแจ้งว่า จะติดต่อให้นายหนูที่มีชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมาลงชื่อในสัญญาจ้างอีกที

เมื่อสอบปากคำผู้อำนวยการกองคลังของ อบต.ให้การว่า เห็นนายหนูเข้ามาทำสัญญาจ้างที่ อบต.ด้วยตัวเอง ครั้นเมื่อผู้รับจ้างทำงานแล้วเสร็จจึงได้ส่งมอบงาน และคณะกรรมการตรวจรับการจ้างได้ตรวจรับเสร็จแล้ว นายกม้าจึงสั่งจ่ายเช็คสองฉบับให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด จัมโบ ในวงเงินตามสัญญาจ้าง โดยนางสาวสะสวย เจ้าหน้าที่การเงิน อบต.ที่เป็นภรรยาของนายกม้าเป็นผู้จ่ายเช็คให้แก่นายหนู แล้วนำไปให้นายไก่ หลังจากนั้นนายไก่ลูกจ้างที่ดูแลกิจการห้างแทนนายกม้าก็นำเช็คทั้งสองฉบับเข้าบัญขีห้างหุ้นส่วนจำกัด จัมโบ แล้วนายไก่ก็ถอนเงินจากบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด จัมโบออกไป

เบื้องต้นเราคงเข้าใจว่า เรื่องการเข้าไปเสนอราคาเป็นเรื่องของนายหนูหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด จัมโบ แล้วนายกม้าไปเกี่ยวข้องยังไง ท่านผู้อ่านคงเห็นได้ว่า ห้างฯ ที่นายหนูเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ความจริงแล้วเป็นการอำพรางปกปิด เจ้าของแท้จริงคือนายกม้า เพราะการที่รถบรรทุกต่างๆ ติดสติกเกอร์ชื่อห้างก็ดี นางสาวสะสวยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิในรถประเภทต่างๆ ก็ดี และนำไปจอดไว้ที่บ้านพ่อตานายกม้าก็ดี ย่อมรับฟังได้ว่า นายกม้าเป็นเจ้าของห้างตัวจริง นายหนูเพียงถูกอุปโหลกให้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเท่านั้น ทั้งพยานบุคคลยืนยันว่า นายกม้าเป็นคนบอกให้นายหนูเข้าไปทำสัญญากับ อบต.ด้วยแล้ว รวมถึงเมื่อมีการจ่ายเงินค่าจ้างก็มีนายไก่ที่เป็นลูกน้องนายกม้ารับเงินแทนทั้งหมด

การกระทำต่างๆ ที่กล่าว จึงเข้าข่ายเรื่องการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม หรือที่เรียกว่า conflict of interest  นั้นละครับ ทั้งนี้ นอกจากความผิดทางอาญามาตรา 152 เรื่องเจ้าพนักงานเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นแล้ว นายกม้ายังมีความผิดตามกฎหมายลูกของ ป.ป.ช.ในเรื่องการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ที่วางหลักห้ามมิให้เจ้าหน้าที่เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐูนั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งมีอำนาจ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการกำกับ ดูแล ตรวจสอบหรือดำเนินคดี

ทั้งบทนี้ยังคลุมไปถึงคู่สมรส และยังรวมถึงผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสด้วย นั้นหมายถึงว่า นางสาวสะสวยแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนายกม้า ถ้าหากมีชื่อเข้าไปทำสัญญาจ้างกับ อบต.ของนายกม้า ก็ถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานนี้เช่นเดียวกัน แต่เรื่องนี้นางสาวสะสวยเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของ อบต. ไม่ใช่คนทำสัญญาจ้างกับ อบต.แต่เป็นชื่อนายหนูที่เป็นตัวแทนห้างของนายกม้าแล้ว นายกม้าก็ย่อมมีความผิดฐานนี้ด้วย ก็เป็นอุทธาหรณ์ให้ท่านนายกอีกเรื่องครับ สวัสดีปีใหม่ครับ

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...