นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา  เปิดเผยถึงแผนการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในปีงบประมาณ59 ว่า ขณะนี้กรมฯได้ขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ เช่น กรุงเทพมหานคร,การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), ผู้ว่าราชการจังหวัด, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานอื่นๆ ไม่ให้สนับสนุนการใช้พื้นที่หรือไม่ให้เช่าพื้นที่เพื่อจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รายงานว่ามีผู้ค้าได้เช่าพื้นที่เพื่อจำหน่ายสินค้าละเมิดฯจำนวนมากจนสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่ประเทศไทย

           “การจำหน่ายสินค้าละเมิดได้เปลี่ยนรูปแบบการขายจากแหล่งเดิมๆเป็นกระจายไปยังตลาดนัด, ตลาดในท้องถิ่นและพื้นที่ใช้เช่าของหน่วยงานต่างๆ ดังนั้นกรมฯ จึงได้ทำการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานเจ้าของพื้นที่เพื่อช่วยกันดูแลและป้องกัน ไม่สนับสนุนให้ใช้พื้นที่จำหน่ายสินค้าละเมิดซึ่งถือเป็นการป้องกันในชั้นต้น จากนั้นกรมฯ จะมีการตรวจสอบ และเมื่อพบจะร่วมมือกับตำรวจ   ศุลกากร  และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการปราบปรามอย่างจริงจังต่อไป”

           สำหรับผลการจับกุมในช่วง 8 เดือนของปี 58 (ม.ค.-ส.ค.) ทั้งจากการจัดชุดออกจับกุมทุกวัน,การจัดชุดระดมกวาดล้างในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ, การจัดชุดตรวจสอบพื้นที่สีแดงและการจัดชุดปฏิบัติการพิเศษ สามารถจับกุมได้ 5,913 คดี ยึดของกลางได้ 2.9 ล้านชิ้น  แยกเป็นการจับกุมโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5,357 คดี ของกลาง 829,917 ชิ้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ 24 คดี ของกลาง 660,387 ชิ้น และกรมศุลกากร 532 คดี ของกลาง กว่า 1.4ล้านชิ้น

          นางนันทวัลย์ กล่าวว่า  ส่วนสถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 – กันยายน 2558) มีจำนวนทั้งสิ้น 65,991 คำขอ เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2557 จำนวน 7,463 คำขอ หรือ เพิ่มขึ้น 12.75 % โดยแบ่งเป็น เครื่องหมายการค้า 49,909 คำขอ เพิ่มขึ้น 10.58 % สิทธิบัตรการประดิษฐ์ 7,811 คำขอ เพิ่มขึ้น 0.46 %สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ 4,369 คำขอ เพิ่มขึ้น 10.41% และอนุสิทธิบัตร 3,902 คำขอ เพิ่มขึ้น 135.34 %

           โดยมีการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่ส่วนกลางจำนวน 55,466 คำขอ คิดเป็น 84.05% และส่วนภูมิภาค โดยยื่นผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จำนวน 10,525 คำขอ คิดเป็น 15.95% สำหรับจังหวัดที่มีสถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาสูงสุด 5 ลำดับแรกของภูมิภาค (ไม่นับกรุงเทพฯ) ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น  685 คำขอ คิดเป็น 1.03 %  สงขลา  610 คำขอ คิดเป็น 0.92 % เชียงใหม่  549 คำขอ คิดเป็น 0.80 % นครราชสีมา 529 คำขอ คิดเป็น 0.80 % และปทุมธานี  430 คำขอ คิดเป็น 0.65 %