พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงผลการลงพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรีว่า ได้พูดคุยกับประชาชนและตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้เน้นย้ำว่าวันนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการปฏิรูปประเทศ และ การปฏิรูปด้านการให้บริการสาธารณสุขที่รัฐบาลขับเคลื่อนตามนโยบาย โดยรัฐบาลขับเคลื่อนมาตลอด 2 ปี ทำให้เกิดโครงการ คลินิคหมอครอบครัว กว่า 400 ทีม และจนถึงปี 2569 คาดว่าจะมีทีมคลินิคหมอครอบครัวอีก 6,500 ทีม เพื่อดูแลสาธารณสุขให้ทั่วถึง
นอกจากนี้จังหวัดปราจีนบุรี ยังมีศักยภาพด้านแพทย์แผนโบราณและ การผลิตยาสมุนไพร ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน ในการต่อยอดทั้งในส่วนของการผลิต การแปรรูป การตลาด โดยได้ฝากรัฐมนตรีสาธารณสุขเร่งรัดเรื่องของการรับรองมาตราฐาน ที่จะอำนวยความสะดวกในการส่งออกสมุนไพรไทย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะยกระดับรายได้ให้กับประชาชน โดยการพัฒนานั้น ต้องมีการวางแผนและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ทั้งในระยะ 1 ปี และ จะต้องให้มีความชัดเจนในช่วง 5 ปีแรก
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า จะกำหนดให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็นจังหวัดนำร่องให้กับอีก 3 จังหวัดในแต่ละภูมิภาค คือ เชียงราย สกลนคร และสุราษฎร์ธานี ซึ่งการพัฒนาจะต้องเชื่อมโยงและคำนึงถึงความต้องการและปริมาณการผลิต อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหา และการพัฒนาในขณะนี้จะสำเร็จได้จะต้องไม่สร้างความขัดแย้งขึ้นอีก ต้องให้ประเทศได้เดินหน้าการปฏิรูป และไม่ควรมองเฉพาะรายได้ แต่ควรให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ของชาติ ทั้งเรื่องของรอยยิ้ม ความนุ่มนวล กิริยามารยาท ศีลธรรม คุณธรรม และการเป็นสังคมจริยธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงงบประมาณของประเทศว่า ประเทศไทยอยู่ด้วยระบบทุนนิยมเสรี ซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ และมีภาษีจากข้าราชการ ที่มีการเสียภาษีเต็มจำนวนทั้งหมด ขณะที่ประชาชนจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ซึ่งยังอยู่ที่ร้อยละ 7 มาหลายปี แต่หากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1 จะทำให้รายได้ประเทศเพิ่มขึ้นกว่าแสนล้านบาท
พร้อมถามกลับว่า จะมีการเสียสละได้หรือไม่ เพราะทำให้งบประมาณของรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อเอางบประมาณดังกล่าวไปทำในสิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นมากนัก ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน เพราะเดินด้วยความระมัดระวังและมีภูมิคุ้มกันอยู่ตลอด สามารถบริหารจัดการได้ เงินกู้ต่าง ๆ อยู่ในกรอบทั้งหมด และหนี้สาธารณะลดลง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่กำลังลงทุนจะเกิดมูลค่าและรายได้ในปีหน้าและปีต่อไป ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ หลายอย่างรัฐบาลไม่สามารถทำเร็วมากได้ เพราะยังติดขัดเรื่องจ้อกฎหมาย ขออย่าทำอะไรตามใจมากนัก
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาในประเด็นที่มีความขัดแย้งอยู่ในขณะนี้ ว่า จะต้องมีวิธีการหารือร่วมกัน ให้มีทางออก แต่ในส่วนของกฎหมายต้องยังคงอยู่ และไม่มีการล้มกฎหมายของประเทศ เพราะหากล้มได้ประเทศนั้นเป็นประเทศที่มีอณาธิปไตย คือ ไม่มีกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดนั้นคือความจำเป็นที่ต้องทำไม่สามารถปล่อยปละละเลยหรือยกเว้นโทษได้ ทั้งนี้ ขออย่ามาข่มขู่ตนเองว่าถ้ารัฐบาลหากไม่เดินหน้าอย่างโรดแมปแล้ว ประเทศชาติจะนองเลือด ซึ่งต้องถามประชาชนว่ายอมหรือไม่ ซึ่งคนที่พูดดังกล่าวอย่าให้มีที่ยืนอีก
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ตนเองต้องท่องพุธโธ เพื่อให้ทำอะไรช้าลงและมีสติ รอบคอบ และรู้จักยับยั้งชั่งใจ หากทำด้วยความรวดเร็วก็อาจผิดพลาดได้ ซึ่งทุกคนเป็นคนไทย ไม่ว่าไทยพุทธหรือมุสลิม ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี มีคุณธรรม ไม่ได้สอนให้โลภมากและร่ำรวย เพราะความสุขที่สุด คือ ความสุขทางใจ และย้ำว่ากฎหมายต้องทำให้เกิดความเท่าเทียม หากทุกคนคิดจะเอาทั้งหมด ประเทศก็จะติดอยู่แบบเดิม และมีคนแสวงหาประโยชน์จากความขัดแย้ง