นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงหลักที่จะกำหนดให้พิจารณาคดีลับหลังได้ แม้จำเลยจะไม่แสดงตัวต่อศาล ในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า หลักการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต่างจากศาลทั่วไป เพราะเกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งกระทำความผิดแล้วจะมีผลกระทบต่อบ้านเมือง หากใช้กระบวนการกฎหมายปกติจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายและการดูแลประโยชน์ของประเทศเป็นไปได้ยาก ซึ่งกลไกนี้ได้รับการยอมรับมาแล้วกว่า 20 ปี

        นายมีชัยกล่าวต่อว่า ปัญหาที่ผ่านมานักการเมืองที่ทุจริตมีเงินมากพอที่จะหนี ทำให้ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ อีกทั้งยังกลับมาใช้กระบวนการศาลมาฟ้องร้องคนอื่นได้อีก จึงเป็นเหตุให้มีการกำหนดให้มีการพิจารณาลับหลังได้

        ส่วนกรณีที่นักการเมืองมองว่าควรมีการกำหนดอายุความเช่นเดียวกับคดีทั่วไปนั้น นายมีชัยย้ำว่า ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะมีข้อเสนอจาก กกต. ขยายอายุความยาวขึ้นควบคู่กับการพิจารณาลับหลัง แต่ก็คิดว่าอาจไม่เป็นธรรมได้ เพราะหากเลื่อนอายุความไปมากๆ การพิจารณาก็หาความจริงได้ยาก และคนที่ถูกฟ้องก็จะลำบากในการหาพยานด้วย จึงมองว่าพิจารณาทันทีทันใดจะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงมีแนวโน้มที่จะกำหนดให้พิจารณาคดีลับหลัง แต่มีกรณีเดียวที่กำหนดอายุความเอาไว้เป็นพิเศษในร่างรัฐธรรมนูญ คือการกระทำผิดเกี่ยวกับการแปรญัตติงบประมาณให้ ส.ส.ใช้ ที่ให้อายุความฟ้องได้ 20 ปี

        สำหรับผลของกฎหมายจะรวมไปถึงคดีที่ยังค้างพิจารณาอยู่หรือไม่นั้น นายมีชัยกล่าวว่า โดยหลักการ อะไรที่ตัดสินไปแล้วให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย แต่คดีที่ค้างอยู่อะไรที่เป็นประโยชน์ก็ให้มีผลย้อนหลัง อย่างโอกาสในการอุทธรณ์คดี แต่ต้องมาอุทธรณ์ด้วยตัวเองตามเงื่อนไข ส่วนอะไรที่เป็นโทษก็เป็นเรื่องที่บังคับย้อนหลังได้ยาก