กรณีที่สื่อฯ นำเสนอข้อมูลว่า หน. คสช. ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีนโยบายจะให้ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 1 เพื่อเพิ่มรายได้รัฐ อ้างอิงจากปราศรัยระหว่างลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งจากกรณีดังกล่าวยืนยันไม่จริง หน.คสช.ยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด พบว่ามีการไปนำเสนอกันในมุมที่คลาดเคลื่อนไปจากเจตนารมย์ของ หน.คสช. ยืนยันการยกตัวอย่างเพียงการชี้ให้เห็นว่า ตลอดเวลายังคงมีประชาชนต้องการเสนอขอความช่วยเหลือต่างๆ มายังรัฐบาลมากมาย. ซึ่งก็มักเกี่ยวข้องกับเรื่องงบประมาณ. ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสพบประชาชน หน.คสช.ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงอยากทำความเข้าใจว่ารายได้หลักของรัฐมาจากการจัดเก็บภาษี
ซึ่งหากประชาชนจะให้รัฐช่วยเหลือ อาจต้องมาให้ความสำคัญ และร่วมทำความเข้าใจร่วมกัน. โดยเฉพาะในเรื่องที่มาของรายได้รัฐจากการจัดเก็บภาษี. ที่ปัจจุบัน มีทั้ง ภาษีของบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีอื่นๆ เป็นต้น
มีการยกตัวอย่างในกรณีตัวเลขรายได้ 100,000 ล้านบาท ถ้าจะให้เพิ่มมาได้เทียบดูแล้วอาจมีมูลค่าถึง 1% ของรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT ซึ่งเดิมรัฐจำเป็นคงระดับจัดเก็บไว้ที่ 7% เพราะสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันอยู่แล้ว
ด้วยจากสภาพความเป็นจริง ตั้งแต่ช่วง ต้นปี 57 มาภาพรวมของเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ทุกประเทศได้รับผลกระทบ สิ่งที่ คสช.และรัฐบาลได้
พยายามแก้ปัญหาด้วยความทุ่มเทผ่านทุกกลไกที่มีมาตลอด ส่งผลให้ปัจจัยภายในค่อนข้างมีความพร้อม.
ทำให้ที่ผ่านมาผลกระทบเรื่องเศรษฐกิจในภาพรวมถึงจะมีแต่ก็ยังน้อยกว่าประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศ จากตัวเลขทางสถิติ. โดยล่าสุดเริ่มเห็นถึงสัญญาณหลายอย่างมีแนวโน้มค่อยๆดีขึ้น
ที่ผ่านมาเคยมีบางบุคคลพยายามทำลายความน่าเชื่อถือ โดยพยายามบิดเบือนสร้างวะทะกรรมว่ารัฐบาลถังแตก จึงอาจพยายามเอากรณีล่าสุดนี้ไปผสมโรงด้วยเพื่อจุดประสงค์เดิมขอสังคมได้ใช้วิจารณญาณในการบริโภคข่าวสารด้วยรู้เท่าทัน ในเจตนาที่มักแอบแฝงมาของบางบุคคลเพื่อทำสังคมสับสน