นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสลาก ได้ติดตามความคืบหน้าแนวทางแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา 80 บาท ตามโรดแม็ป ที่เห็นชอบจากการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2564 รวม 3 แนวทาง คือ 1.การเปิดลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองรอบใหม่ 2 แสนราย ซึ่งขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนแล้วกว่า 8.78 แสนราย คาดว่าเมื่อสิ้นสุดรับลงทะเบียนวันที่ 31 ม.ค. จะมีผู้ลงทะเบียนประมาณ 1 ล้านราย โดยจะใช้เวลาคัดกรอง 2 เดือน และเริ่มงวดแรกวันที่ 2 พ.ค. ใช้สิทธิ์ซื้อจองได้วันที่ 19-21 เม.ย.นี้

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นสำนักงานสลากยังคงตัวเลขผู้ได้รับสิทธิ์ไว้ที่ 2 แสนราย แม้ว่าจะมีผู้ลงทะเบียนสูงกว่าที่คาดไว้ ขอให้กระบวนการคัดกรองได้เริ่มก่อนว่าใน 1 ล้านรายจะมีผู้ผ่านคุณสมบัติกี่คน โดยสำนักงานสลากเห็นว่าจะให้สิทธิ์มากกว่า 2 แสนคนก็ได้ แต่การซื้อ-จอง ในแต่ละงวดจะมีการแข่งขันที่สูงมาก

2.ร้านค้าสลาก 80 บาท หรือ GLO Official Seller ที่จะเพิ่มจุดขายสลาก 80 บาท อีก 1,000 จุด 927 อำเภอทั่วประเทศ ขณะนี้มีร้านค้าที่สนใจร่วมโครงการ 4,800 ราย ซึ่งจากการลงทะเบียนมีอำเภอที่ไม่มีผู้สนใจมาลงทะเบียน 237 อำเภอ จากนี้จะเร่งคัดกรองคุณสมบัติร้านค้า เพื่อให้เริ่มจำหน่ายงวดแรกได้วันที่ 2 พ.ค. เช่นกัน

3.การขายสลากผ่านแพลตฟอร์ม หรือมาร์เก็ตเพลสของสำนักงานสลากได้อนุมัติขั้นตอนต่างๆ โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่องทาง คือ 1.มาร์เก็ตเพลสส่วนกลางของสำนักงานสลาก และ 2.แพลตฟอร์มการจำหน่ายผ่านผู้ค้าจากแท็บเล็ตไอแพด โดยหลักการคือให้ตัวแทนที่รับสลากแต่ไม่ต้องการขายสลากเอง นำสลากไปฝากขายผ่านมาร์เก็ตเพลสของสำนักงานสลากได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ การฝากขายสลากผ่านมาร์เก็ตเพลส ตัวแทนจะต้องเลือกเพียงครั้งเดียวว่า จะฝากขายหรือต้องการรับสลากใบไปจำหน่ายเอง หากต้องการฝากขายก็จะมีการสแกนภาพสลาก ไปปรากฏอยู่บนมาร์เก็ตเพลส และไอแพดของตัวแทนในกรณีที่ต้องการร่วมเดินขายเองด้วย ซึ่งข้อมูลจะมีความเชื่อมโยงกัน เมื่อมีการขายออก ระบบก็จะตัดออก สลาก 1 ใบขายได้เพียงครั้งเดียว ไม่สามารถนำมาขายซ้ำได้อีก โดยซื้อขายผ่านระบบเป๋าตัง และถุงเงินของธนาคารกรุงไทย

“การรับจ่ายก็จะมีความสะดวกขึ้น คนซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อจากแพลตฟอร์มของสำนักงานสลาก หรือไปซื้อกับผู้ค้าที่อาจจะเดินขายผ่านไอแพด จะมีภาพสลากใบเดียวกันอยู่ เมื่อขายได้สลากใบนั้นก็จะหายไปจากระบบ ไม่ซ้ำซ้อน ผู้ซื้อจะมีใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นหลักฐานการซื้อที่ระบบส่งให้ ในกรณีที่ถูกรางวัล เงินก็จะถูกโอนเข้าสู่บัญชี ไม่ต้องมีปัญหาว่าสลากใบนี้เป็นของใครอีก”

นายลวรณ กล่าวต่อว่า การขายผ่านมาร์เก็ตเพลส หรือขายผ่านไอแพด ผู้ค้าจะฝากสลากขายเพียงครั้งเดียว หากตัดสินใจแล้ว ไม่สามารถนำสลากแบบใบไปขายได้อีก ในกรณีที่ผู้ค้ากังวลว่าสลากจะขายไม่หมด สามารถปรับลดราคาขายให้ต่ำกว่า 80 บาทได้ แต่ห้ามขายเกิน 80 บาท ขณะที่ผู้ซื้อ สามารถเลือกเลขที่ต้องการได้ ซึ่งอาจจะได้เลขเดียวกันหลายใบ สามารถซื้อรวมชุดเลขได้เองในระบบ โดยไม่ต้องซื้อหวยชุดราคาแพงจากคนขาย

นายลวรณ กล่าวอีกว่า การขายผ่านมาร์เก็ตเพลส จะต้องเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณารายละเอียดข้อกฎหมาย ว่าไม่ใช่เป็นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพราะสลากยังพิมพ์ 100 ล้านฉบับเป็นแบบใบเหมือนเดิม หากไม่ติดขัดก็สามารถดำเนินการได้ทันทีในงวดเดือน พ.ค.เช่นกัน

ทั้งนี้ สำนักงานสลากของให้ผู้ที่ได้รับสลากไปจำหน่าย เลือกที่จะใช้ช่องทางมาร์เก็ตเพลสของสำนักงาน ในกรณีที่ไม่สะดวกขายเอง ห้ามนำสลากไปขายต่อให้แพลตฟอร์มอื่นแบบยกเล่ม ซึ่งจากนี้ สลากทุกใบที่ส่งไปจะมีรหัสลับ สามารถตรวจสอบสลากทุกใบได้ว่าใครเป็นเจ้าของ และขายต่อไปที่ใคร หากพบว่าไม่ได้นำไปขายเอง ก็จะถูกตัดสิทธิ์รับสลากไปจำหน่ายตลอดชีวิต

นอกจากนี้ ที่ประชุมสลากฯ ยังเห็นชอบแนวทางตั้งคณะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบการรับจัดสรรสลากจำหน่ายที่ไปรษณีย์ เป็นมาตรการจริงจังที่ไม่ต้องการเห็นการทำผู้สัญญา ส่งผลให้สลากขายเกินราคา จะเร่งลงพื้นที่สุ่มตรวจ หากพบก็จะตัดโควตาตลอดชีวิตเช่นกัน

นายลวรณ เพิ่มเติมว่า จะนำผลการประชุมทั้งหมดเข้าหารือกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด ที่มีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ในวันที่ 31 ม.ค.นี้