ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน นายปกรณ์ สุตสุนทร ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอุทกวิทยา เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำ (กทม.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่
นายปกรณ์ สุตสุนทร ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอุทกวิทยา เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (31 ม.ค.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 54,764 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 72 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ 30,729 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 10,455 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 13,045 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 52 ของความจุอ่างฯ มีน้ำใช้การได้ 6,349 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 2,734 ล้าน ลบ.ม. สำหรับผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ปี 2564/65 ทั้งประเทศเพาะปลูกข้าวไปแล้ว 6.55 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 94 ของแผนฯ เฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 4.01 ล้านไร่ เกินแผนที่วางไว้ร้อยละ 40 (แผน 2.81 ล้านไร่)
ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ บริหารจัดการน้ำด้วยการหมุนเวียนน้ำในพื้นที่ให้ทั่วถึง เพื่อไม่ให้พื้นที่ที่เพาะปลูกข้าวได้รับความเสียหาย รวมทั้งเน้นย้ำให้ดำเนินการตามมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ปี 2564/65 ทั้ง 8 มาตรการ อย่างเคร่งครัด พร้อมประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดน้ำ เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้