ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เตรียมเสนอกรมอุทยานฯ ย้ายเสือพิการ 3 ขา ออกจากพื้นที่ป่า อช. ทองผาภูมิ ส่วนเสือ 3 ขา นั้นใช่ตัวเดียวกับรอยเท้าที่พบหรือไม่ ต้องให้จับได้จึงจะทราบว่าใช่หรือไม่ 

ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เตรียมเสนอกรมอุทยานฯ ย้ายเสือพิการ3 ขา ออกจากพื้นที่ป่า อช. ทองผาภูมิ ขณะชาวบ้านปิล็อกคี่ เรียกร้องให้กรมอุทยานฯนำเสือออกจากป่า ภายหลังจากมีชาวบ้านพบร่องรอยเสือใกล้หมู่บ้านเข้ามาทุกขณะ ล่าสุดพบรอยเท้าเสือริมห้วยปิล็อกคี่ ห่างจากบ้านชาวบ้านเพียง 1 กม เศษ ผอ.นิพนธ์ กล่าวว่า ส่วนเสือ 3 ขา นั้นใช่ตัวเดียวกับรอยเท้าที่พบหรือไม่ ต้องให้จับได้จึงจะทราบว่าใช่หรือไม่ 

 
วันนี้ 13 ก.พ. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายนิพนธ์ จำนงศิริกุล ผู้อำนวยการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้เผยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับรายงานการพบเสือในพื้นที่ป่าบ้านปิล็อกคี่ จากนาย กมลาศ อิสสอาด หน. อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เนื่องจากกลัองดักถ่ายภาพสัตว์ป่า ที่ จนท. มูลนิธิฟรีแลนด์(Freeland Foundation)และ จนท. อช. เขาแหลม นำไปติดตั้งไว้ในป่าบริเวณห้วยสะมาท้อ พื้นที่เกิดเหตุเสือกัดนายหวาน ชาวบ้านปิล็อกคี ขณะออกไปตามหาควายที่เลี้ยงไว้ในป่า จนนายหวานได้รับบาดเจ็บสาหัส และพื้นป่ารอบๆ บ้านปิล็อกคี่ จำนวนรวมกันกว่า 20 ตัว
 
ส่วนบริเวณที่สามารบันทึกภาพเสือโคร่งที่มีสภาพพิการขาหลังช้างขวาขาด คือป่าหัวยสะมาท้อ ซึ่งห่างจากบ้านปิล็อกคี่ ประมาณ 3 กม. เศษ ซึ่งหลังพบเสือ นายนิพนธ์ ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารกรมอุทยานฯให้ส่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือของกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่เพื่อทำการผลักดันหรือนำเสือออกจากพื้นที่ดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของเสือตัวที่พบและชาวบ้านปิล็อกคี่ จำนวน 300 กว่าครอบครัว

ซึ่งเหตุการณ์ที่นายหวานโดนเสือกัด และเหตุการณ์ที่สามารถถ่ายภาพเสือได้ในพื้นที่ป่าห้วยสะมาท้อ ทำให้ชาวบ้านพากันหวาดกลัว จนไม่กล้าเข้าป่าไปดูแลวัวควายที่เลี้ยงไว้ในป่าใกล้หมู่บ้าน รวมทั้งไม่กล้าเข้าไปหาผัก หาปลา ตามวิถีที่เคยหาอยู่หากินแบบพึ่งพาธรรมชาติ หลายครอบตัวต้องย้ายฝูงปศุสัตว์มาเลี้ยง และเก็บไว้ใกล้บ้าน แม้จะต้องระวังฝูงปศุสัตว์ไปก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับเพื่อนบ้าน และต้องซื้อฟางก้อนมาเลี้ยง เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย รวมทั้งต้องคอยสอดส่อง ดูแลความปลอดภัยยามค่ำคืน (เสียง) นางดีเซมเบอ นายดา 2 สามี ภรรยา ชาวบ้านปิล็อกคี่ ที่มีบ้านอยู่ติดชายป่า (กลุ่มบ้านเกลิงแกละทะ) เสียงนางดีเซมเบอ
 
ขณะที่ น.ส สุดา อายุ 18 ปี ต้องพาลูกชายวัย 4 เดือน และสามี ย้ายมาอาศัยนอนบ้านแม่ นานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว เนื่องจากบ้านของเธอและสามี เป็นบ้านหลังสุดท้ายของหมู่บ้านปิบ็อกคี่ ที่อยู่ติดป่าห้วยสะมาท้อ ทำให้หลังจากเกิดเหตุการณ์นายหวานโดนเสือกัด รวมทั้งการถ่ายภาพเสือได้ ทำให้เธอและสามี หวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะอาศัยอยู่ที่บ้านต่อไป

โดยล่าสุดเมื่อวานนี่ชาวบ้านพบรอยเท้าเสือโคร่งปรากฎในพื้นที่ป่าใกล้หมู่บ้านปิล็อกคี่ โดยรอยเท้าเสือที่พบครั้งนี้ห่างจากบ้าน ปิลอกคี่ เพียง 1 กม. เศษ ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านปิล็อกคี่ จึงอยากให้ กรมอุทยานฯ เร่งผลักดันเสือที่เหลือในพื้นที่อีก3 ตัวออกไปจากป่าโดยด่วน เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านปิล็อกคี่ และความปลอดภัยของเสือ

ทีมข่าวกาญจนบุรี