นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ในระดับพื้นที่ ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และตนเองพร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่มอบนโยบายและซักซ้อมแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด พัฒนาการจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงทีมขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ในทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อให้เกิดความรับรู้เข้าใจในการการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. 65 นี้
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หรือ ศจพ. ซึ่งมีเป้าหมายคือ “การแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าแต่ละครัวเรือน” หรือ “การตัดเสื้อให้พอดีตัว” โดยให้ทุกจังหวัดใช้ข้อมูลจากระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform) หรือ TPMAP เป็นฐานข้อมูลในการขับเคลื่อน ซึ่งในปี 65 มีคนจนเป้าหมายในระบบ จำนวน 1,025,782 คน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเน้นย้ำการแก้ไขปัญหาความยากจนให้เสร็จสิ้นในระดับอำเภอ
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอต้องกำกับติดตาม “ทีมพี่เลี้ยง” ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไขแบบพุ่งเป้า เกิดผลเป็นรูปธรรม ผ่านการวิเคราะห์ปัญหาและการจัดทำแผนครัวเรือนด้วยหลัก 4 ท คือ ทัศนคติ ทักษะ ทรัพยากร ทางออก โดยการมีส่วนร่วมของครัวเรือนในการวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหากับทีมพี่เลี้ยงโดยสมัครใจ ไม่เป็นการบังคับ รวมทั้งกำกับและติดตามการรายงานผลการดำเนินงาน ศจพ. ทุกระดับพร้อมบันทึกลงใน Logbook รวมถึงให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ทุกช่องทาง ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้เน้นย้ำในการสร้างความเข้าใจกับศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในทุกระดับว่า “ความยากจน” คือ ความเดือดร้อนของประชาชนในทุกเรื่องที่ประชาชนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้” ซึ่งเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำในตอนนี้ อันถือเป็น “กระดุมเม็ดแรก” คือ ต้องสำรวจผู้ได้รับความเดือดร้อนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายให้ครบ โดยกรมการปกครองได้พัฒนาระบบ Thai QM เป็นเครื่องมือให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในพื้นที่ภายใต้การกำกับดูแลของนายอำเภอ ใช้สำรวจปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่มิติด้านรายได้เท่านั้น แต่ครอบคลุม “ความเดือดร้อนทุกเรื่อง” เช่น บ้านที่อยู่อาศัยไม่มีทะเบียนบ้าน ปัญหายาเสพติด เงินกู้นอกระบบ การไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกิน หรือไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นต้น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอในฐานะนายกรัฐมนตรีในพื้นที่ต้องเป็นแม่ทัพในการขับเคลื่อนการศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้บรรลุเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน
นายสุทธิพงษ์ ย้ำว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้กลไกศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และปัญหา อุปสรรค ให้กระทรวงทราบทุกเดือน เพื่อกระทรวงมหาดไทยจะได้รายงานศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งแจ้งส่วนราชการในพื้นที่รายงานผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยให้ต้นสังกัดในส่วนกลางเพื่อให้รัฐมนตรีของแต่ละกระทรวงได้รับทราบผลการดำเนินงานของกลไกในระดับพื้นที่ อันจะทำให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในระดับพื้นที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม บรรลุเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาความยากจน แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดต่อไป