“ชัชชาติ” หาเสียง ทุ่งครุ ฝั่งธน มอง ยังเป็นจุดอ่อนคะแนนเสียงไม่ดี ต้องเร่งเข้าพื้นที่หาประชาชน พร้อมยืนยัน กระแสข่าวรองผู้ว่าฯ 4 คนจากเพื่อไทยไม่เป็นความจริง เชื่อ ผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าว ยอมรับ โค้งสุดท้าย กังวลเรื่องเฟคนิวส์บ้าง
วันที่ 16 เมษายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่หาเสียงในย่านประชาอุทิศ ตั้งแต่ตลาดใหม่ทุ่งครุ และขึ้นรถแห่ EV ไปตามชุมชนต่าง ๆ ตั้งแต่ซอยประชาอุทิศ 61-79 ซึ่งการลงพื้นที่ในย่านนี้ถือเป็นครั้งที่สอง
โดยนายชัชชาติ บอกว่า บริเวณพื้นที่ฝั่งธน รวมถึงย่านทุ่งครุ ยังถือเป็นจุดอ่อน เนื่องจากคะแนนไม่ค่อยดี จึงขอลงพื้นที่ให้มากขึ้น โดยปรับกลยุทธ์ใช้รถแห่หาเสียง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ส่วนการเข้าถึงประชาชนให้มากขึ้น ต้องมีทีมงานลงพื้นที่ไปช่วยด้วย ซึ่งมีคนในชุมชนที่ไม่ได้ติดตามโซเชียลมีเดีย อาจจะต้องมีการแจกใบปลิวเพิ่ม และการประเมินคะแนนเสียงในพื้นที่ นายชัชชาติ กล่าวว่า โซนกรุงเทพฯเหนือ เริ่มมีผลตอบรับดีขึ้น เนื่องจากมีนางปวีณา หงสกุล มาช่วย ยังเหลือโซนฝั่งธนบุรี ยืนยันว่าทำดีที่สุดแล้ว หลังจากนี้อีก 35 วันจะเน้นไปที่การเดินในชุมชน เพื่อรับฟังปัญหาต่าง ๆ และจะสลับลงชุมชนและไปเดินห้างในช่วงบ่าย เพื่อให้พบประชาชนที่หลายหลาย โดยเฉพาะกลุ่มชุมชนบ้านมีรั้ว ซึ่งทั้งการเดินห้างและลงพื้นที่ตามชุมชน ตลาด ได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนกัน และเชื่อว่าตอนนี้มาถูกทางแล้ว ทั้งนโยบายและการลงชุมชนเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งมองว่า ประชาชนก็ตอบรับตนเองทั้งความเป็นชัชชาติ และนโยบายที่ตอบโจทย์
และจากการลงพื้นที่ย่านทุ่งครุ ประชาชนก็ตอบรับดีแต่ย่านทุ่งครุจะพบว่ามีปัญหา น้ำท่วมเพราะเป็นต้นของแม่น้ำเจ้าพระยา หลายคนก็บ่นน้ำท่วมขัง และปัญหายาเสพติดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งแต่ละพื้นที่จะปัญหาแตกต่างกันไป
ส่วนในพื้นที่ทุ่งครุ มีกลุ่มผู้สูงอายุอยู่จำนวนมากนั้น มองว่า ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีค่าสำหรับชุมชน เพราะฉะนั้น ต้องไม่ปล่อยให้ติดเตียงอยู่บ้าน ต้องตั้งชมรมผู้สูงอายุกระจายอยู่ทุกชุมชนให้ได้ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมร่วมกัน และมีระบบสาธารณสุขที่ครอบคลุม รวมไปถึงการสร้างงานให้ผู้สูงอายุ มองว่าผู้สูงอายุหลายคนมีความสามารถ เช่น เย็บปักถักร้อย แต่ไม่สามารถหาตลาดได้ กทม.อาจจะต้องเป็นตัวกลางในการหาตลาดให้ ส่วนนโยบายสนับสนุนเงินช่วยเหลือ ที่มีอย่างน้อย 2 ผู้สมัคร เสนอให้เงินบำนาญผู้สูงอายุ นายชัชชาติ มองว่า ต้องดูงบประมาณ กทม.ด้วยว่ามีพอหรือไม่และดูคงสมเป็นไปได้ เพราะรัฐบาลใหญ่เป็นผู้สนับสนุนเงินส่วนนี้อยู่แล้ว พร้อมยอมรับว่านโยบายเรื่อง สวัสดิการผู้สูงอายุของตนไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน แต่มีเรื่องสังคมสงเคราะห์ผู้สูงอายุ มั่นใจว่าหากพัฒนาเศรษฐกิจให้รุ่งเรือง สุดท้ายจะมีเงินไปช่วยประชาชนได้เยอะ
นายชัชชาติ ยังบอกถึงกระแสข่าวที่มีการเปิดเผยชื่อตัวเต็งตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. ของตนเองออกมา 4 คน เป็นคนจากพรรคเพื่อไทยทั้งหมดนั้น โดยยืนยันว่าไม่เคยมีประกาศชื่อรองผู้ว่าฯ ใดๆ ออกมาทั้งสิ้น มีเพียง ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ซึ่งอยู่ในทีมเพื่อนชัชชาติเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ได้ระบุว่าจะรับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ ส่วนอีก 3 คน จากพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น100% คนที่ออกข่าวมา มองว่าคือผู้ไม่หวังดี และยังไม่มีชื่อรองผู้ว่าในตอนนี้แน่นอน และมองว่าไม่ควรกระจายต่อ เพราะการสร้างข่าวให้คุณให้โทษกับผู้สมัครก็ถือเป็นความผิดทางกฏหมาย
พร้อมยืนยันว่า ไม่มีความกังวลในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ส่วนตัวมีความสนุก มีความหวัง อาจจะมีความกังวลเรื่องข่าวเฟคนิวส์ ที่ไม่ถูกต้องอยู่บ้าง แก้ข้อหล่าวหากันไป เพราะเชื่อว่าตอนนี้ตนเองมาถูกทางแล้ว พร้อมขอให้ประชาชนใจแข็ง หากได้รับข้อมูลที่ไม่จริง อย่าส่งต่อ จะชี้แจงเอง หากมีอะไร อย่าไปฟังคนอื่นให้ฟังที่ตนเป็นหลัก อยากชี้แจงอะไรเดี๋ยวชี้แจงเอง ไม่ต้องมีคนอื่นมาช่วยคิด ตนจะเลือกใครมาเป็นรองผู้ว่า มาช่วยงาน ตนจะต้องเลือกเอง