นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มีมติเห็นชอบให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2557 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่ตำแหน่งกำนัน โดยให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน และวาระการดำรงตำแหน่ง จากเดิมให้อยู่ในตำแหน่งจนถึงอายุ 60 ปี เหลือให้ดำรงตำแหน่งวาระละ 5 ปี โดยไม่จำกัดวาระว่า เป็นหลักการที่ดี เพราะการมีวาระน่าจะเป็นวิธีการที่ทำให้เกิดความมั่นใจในแง่ความรับผิดชอบต่อประชาชนมากกว่า รวมทั้งการเลือกตรงจากประชาชนด้วย โดยในสมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิดนี้ให้กระทรวงมหาดไทยไปพิจารณา เพราะเห็นว่าเป็นแนวทางที่จะทำให้เกิดความรับผิดชอบต่อประชาชน

ส่วนกระแสคัดค้านจากกำนันผู้ใหญ่บ้านที่เกิดขึ้นนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องตัดสินใจ และควรฟังเสียงส่วนรวม ไม่ต้องฟังเรื่องที่เป็นการปกป้องประโยชน์ตัวเอง สำหรับกำนันผู้ใหญ่บ้านก็เสนอมาว่าระบบที่เป็นอยู่ดีกว่าอย่างไร แต่ไม่ควรทำให้กลายเป็นประเด็นขัดแย้งลุกลาม เพราะทุกองค์กรต้องพร้อมปฏิรูป พร้อมย้ำว่าการเลือกตั้งแบบมีวาระเป็นหลักประกันความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ชัดเจนมากขึ้น และควรพิจารณาด้วยว่าในส่วนของผู้ใหญ่บ้านจะต้องเปลี่ยนหรือไม่เพื่อให้สอดคล้องกัน ซึ่งหากจะดำเนินการก็ต้องแก้กฎหมาย และในรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ การตรากฎหมายก็จะต้องรับฟังความเห็น ประชาชนเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งกำนันผู้ใหญ่บ้านก็ต้องรับฟังความเห็นของประชาชนด้วย ส่วนที่อ้างว่าจะทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่องนั้น ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะไม่ได้จำกัดวาระไว้ หากหมดวาระ ประชาชนก็สามารถเลือกกลับเข้ามาได้

 อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเสนอให้มีการกระจายอำนาจเพิ่มเติม โดยอยากให้จังหวัดโอนอำนาจให้ อบจ. มากขึ้น ซึ่งจะเหมือนกับประชาชนเลือกผู้ว่าฯ แต่จะคงภารกิจผู้ว่าฯ ในการเป็นตัวแทนส่วนกลางไว้อย่างไรก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง และขอบคุณคณะกรรมการกระจายอำนาของรัฐบาลที่ยับยั้งการยุบ อบต. หรือยกเป็นเทศบาลทั้งหมด เนื่องจาก อบต. เป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับการกระจายอำนาจ และไม่เห็นด้วยที่บอกว่าถ้าประชากรไม่ถึง รายได้ไม่ถึง ไม่มีสิทธิมีองค์กรปกครองท้องถิ่นของตัวเอง เพราะสภาพท้องถิ่นต้องการล้อกับสภาพความเป็นจริงของชุมขน แม้ประชากรไม่ถึง ก็ควรมีองค์กรปกครองท้องถิ่นดูแลในพื้นที่