ทั้งนี้ ภายหลังจากการส่งมอบดังกล่าว แหล่งเอราวัณที่ดำเนินการโดยเชฟรอนภายใต้สัญญาสัมปทาน จะเปลี่ยนผ่านเป็นแปลงสำรวจปิโตรเลียม G1/61 ที่ดำเนินการโดยปตท.สผ. อีดี ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract หรือ PSC) ในฐานะผู้ดำเนินงานของแหล่งเอราวัณด้วยความรับผิดชอบตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เชฟรอนได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ในสัญญาสัมปทานอย่างครบถ้วน และได้มีการตระเตรียมความพร้อมการส่งมอบในทุกด้าน ทั้งด้านแผนงาน ข้อมูล กำลังคน และอุปกรณ์ รวมถึงยังได้มีการจัดเตรียมและทบทวนแผนการดำเนินงานกับทุกหน่วยปฏิบัติงานภายในเชฟรอนเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ เชฟรอนได้จัดการฝึกซ้อมการรับมือแผนฉุกเฉินโดยจำลองในสถานการณ์ต่างๆ (desk top exercises) หลายครั้ง ร่วมกับทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและปตท.สผ. อีดี เพื่อทดสอบความพร้อมในการการส่งมอบ รวมถึงฝึกการรับมือในกรณีฉุกเฉินด้วย
สำหรับศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการส่งมอบของเชฟรอนจัดตั้งขึ้นที่สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร และเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18-24 เมษายน 2565 เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการในการส่งมอบแหล่งสัมปทาน โดยการทำงานของศูนย์สนับสนุนดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากทาง ปตท.สผ. อีดี และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่จากทั้งสองหน่วยงานทำงานร่วมกันกับเชฟรอน ณ สถานที่ปฏิบัติงานจริงกลางอ่าวไทย เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งมอบจะเป็นไปอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ เชฟรอนยังจะให้การสนับสนุนการทำงานของศูนย์กำกับ ติดตาม ควบคุมสถานการณ์การเปลี่ยนผ่านระบบและการส่งต่อความรับผิดชอบจากผู้รับสัมปทานเป็นผู้รับสัญญา (War Room) ที่จัดตั้งขึ้นโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน อย่างเต็มกำลัง ในระหว่างวันที่ 23 เมษายน 2565 เวลา 18.00น. ถึงวันที่ 24 เมษายน 2565 เวลา 03.00 น. ร่วมกับตัวแทนจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ปตท.สผ. อีดี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงทั้งสี่ฉบับที่ได้ลงนามไปล่าสุดนั้น ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่ช่วยให้การส่งมอบแหล่งเอราวัณสำเร็จลุล่วงอย่างปลอดภัย รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานของทั้งสองฝ่ายในการจัดหาพลังงานอย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ ภายหลังการเปลี่ยนผ่านแหล่งเอราวัณ โดยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการเรือกักเก็บปิโตรเลียมทั้ง E2FSO และ PFSO ที่ทำหน้าที่สำคัญในการกักเก็บปิโตรเลียมทั้งจากแหล่งปิโตรเลียมภายในพื้นที่โครงการ G1/61 และจากแหล่งอื่นๆ ในอ่าวไทย รวมถึงข้อตกลงการใช้ประโยชน์ร่วมกันสำหรับสิ่งติดตั้ง และการสนับสนุนการดำเนินงานและการบำรุงรักษา จะช่วยสนับสนุนให้การผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยของทั้งปตท.สผ. อีดี และเชฟรอนดำเนินการต่อไปได้ด้วยความปลอดภัย
“เชฟรอนมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบแหล่งเอราวัณอย่างปลอดภัยในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 โดยที่ผ่านมาบุคลากรของเราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับบริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ. อีดี และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เพื่อเตรียมการส่งมอบการดำเนินงานของแหล่งเอราวัณ และบริษัทฯ มั่นใจถึงความพร้อมในการดำเนินงานส่งมอบที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 23 เมษายน 2565 นี้ โดยการลงนามข้อตกลงทั้ง 4 ฉบับล่าสุดนี้ นับเป็นสิ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเชฟรอนและความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในฐานะตัวแทนของบริษัทฯ ผมขอขอบคุณความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และปตท.สผ. อีดี เพื่อบรรลุเป้าหมายการส่งมอบแหล่งเอราวัณให้สำเร็จลุล่วงด้วยความปลอดภัย”
นายชาทิตย์ กล่าวว่า เอราวัณ เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งแรกในอ่าวไทย ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ไทยสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้มากขึ้น และยังเป็นเหมือนโรงเรียนพลังงานกลางอ่าวไทยที่ช่วยพัฒนาบุคลากรในสาขาปิโตรเลียมให้กับประเทศจำนวนมาก จึงเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของเชฟรอนที่ได้สร้างและดำเนินงานแหล่งเอราวัณมากว่า 40 ปี ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมควบคู่ไปกับการสร้างบุคลากรชาวไทยและวางรากฐานอุตสาหกรรมปิโตรเลียมของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากความทุ่มเทของพนักงานเชฟรอนและพนักงานบริษัทผู้รับเหมาทุกคนทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่อุทิศตนทำงานเพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานด้วยความปลอดภัยให้กับประเทศมาตลอดกว่า 4 ทศวรรษ
ทางเชฟรอนยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการจัดหาพลังงานที่สะอาด อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ให้กับประเทศไทย ควบคู่ไปกับการมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของประเทศต่อไปในอนาคต ถึงแม้ว่าการส่งผ่านแหล่งเอราวัณเป็นกระบวนการที่มีความท้าทายด้วยรายละเอียดต่างๆ ที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประสานความร่วมมือกับปตท.สผ. อีดี และ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง จนสามารถบรรลุข้อตกลงที่มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานของแหล่งเอราวัณร่วมกันหลายประการ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการส่งมอบแหล่งเอราวัณให้สำเร็จลุล่วงด้วยความปลอดภัยตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาสัมปทานปิโตรเลียม ตลอดจนสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานของประเทศต่อไปในอนาคต