กรมชลประทาน ร่วมมือ ADCA ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ศึกษาวิจัยแนวทางบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย นำร่องที่อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี จนประสบผลสำเร็จ เตรียมขยายผลต่อยอดไปใช้ในลุ่มน้ำอื่นทั่วประเทศ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้ร่วมมือกับ Agriculture Development Consultant Association (ADCA) แห่งรัฐบาลญี่ปุ่น ดำเนินการศึกษาวิจัยแนวทางบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ภายใต้โครงการ “The Study of Efficient Water Management System Based On the Advance Telemetry Technology” โดยเลือกจังหวัดชลบุรี ที่แนวโน้มความต้องการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้
ทั้งนี้ จังหวัดชลบุรี เป็น 1 ใน 3 จังหวัดในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นที่ตั้งของท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และเมืองพัทยา เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย หากไม่มีการเสริมความมั่นคงให้น้ำต้นทุนและดูแลคุณภาพน้ำ ในอนาคตย่อมเกิดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ โดยมีอ่างเก็บน้ำบางพระ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนขนาดใหญ่ ที่จะใช้สนับสนุนการใช้น้ำของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการอุปโภคบริโภค การอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการเกษตร
สำหรับการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 โดย ADCA ได้นำเทคโนโลยีการวัดปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ (Inflow) พร้อมระบบประมวลผล มาติดตั้งบริเวณลำห้วยต่างๆ ที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำบางพระ รวมทั้งการติดตั้งสถานีวัดน้ำฝน การติดตั้งระบบการวัดคุณภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ และการวัดปริมาณน้ำไหลออก (Outflow)
ผลการติดตามพฤติกรรมน้ำและศึกษาคุณภาพน้ำที่อ่างฯบางพระ ในระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา พบความสัมพันธ์ระหว่างค่าความเค็มกับปริมาณน้ำอย่างมีนัยยะ ซึ่งกรมชลประทาน ได้นำผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ในการวางแผนบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ในช่วงที่ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งปี 2562-2563 แม้จะมีปริมาณน้ำต้นทุนน้อย แต่กรมชลประทานสามารถวางแผนส่งน้ำและสูบน้ำทั้งจากแม่น้ำบางปะกง คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต และอ่างเก็บน้ำหนองค้อมาเติมให้กับอ่างเก็บน้ำบางพระ จนสามารถจัดสรรน้ำให้ทุกภาคส่วนได้อย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตประปา การอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรีด้วย
สำหรับเทคโนโลยีที่ ACDA นำมาใช้ ทำให้ได้ข้อมูลที่สามารถนำมากำหนดเวลาที่เหมาะสมในการผันน้ำมาใช้ในแต่ละช่วงเวลาของปี รวมไปถึงการส่งน้ำที่มีคุณภาพเหมาะสมต่อทุกกิจกรรมใช้น้ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในระบบอ่างฯพวงได้เป็นอย่างดี ในระยะยาวยังช่วยเรื่องการวางแผนดูแลรักษาสมดุลระหว่าง น้ำไหลเข้า(Inflow) และน้ำระบายออก (Outflow) ของแหล่งน้ำ ทำให้ค่าความเค็มสะสมในน้ำไม่เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งยากต่อการแก้ไข ซึ่งหลังจากการศึกษาร่วมกันแล้ว ภายในปี 2565 นี้ ADCA จะส่งมอบอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมจัดทำคู่มือดูแลบำรุงรักษา Software และ Hardware ทั้งระบบให้กับกรมชลประทาน เพื่อใช้งานต่อไป
“ปัจจุบันการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำ จะให้ความสำคัญกับน้ำกินน้ำใช้เป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากมีความต้องการใช้สูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่แหล่งเก็บกักน้ำต้นทุนมีจำกัด ดังนั้น หากสามารถควบคุม จัดการน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างมีคุณภาพได้ จะช่วยขับเคลื่อนการใช้น้ำในทุกภาคส่วนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างพอเพียง สอดรับกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยกรมชลประทาน มีแผนที่จะนำเทคโนโลยีและความรู้ที่ได้จากศึกษาวิจัยร่วมกับประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ไปต่อยอดขยายผลนำไปใช้ในการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำอื่นๆทั่วประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป”นายประพิศ กล่าว