นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานกรรมการบริหาร (บอร์ด) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรใหม่รองรับการดำเนินงานในอนาคตเนื่องจากสถานการณ์พลังงานโลกเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานทดแทนมากขึ้นจึงต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเป็นการรักษาระดับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ให้ใกล้เคียง 50% ของการผลิตทั้งประเทศ ต่อไป
โดยได้นำเอา 3 บริษัท ในเครือ คือ บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก
บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เข้ามาร่วมลงทุน
ทั้งนี้ ทิศทางพลังงานทดแทนของ กฟผ. คือจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนของไทยโดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้พลังงานทดแทนมีความเสถียรในการจ่ายไฟฟ้ามากขึ้น เช่น การลงทุนด้านแหล่งกักเก็บพลังงาน การผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์บนผิวน้ำ (โซล่าร์ลอยน้ำ)
ที่ผ่านมา กฟผ. ได้เสนอ กระทรวงพลังงาน จะผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน 2,000 เมกะวัตต์และขณะนี้กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้กฟผ.ไปจัดทำรายละเอียดที่ชัดเจนเพื่อเสนอกลับมาให้กระทรวงพลังงานพิจารณาอีกครั้ง
นอกจากนี้ ในช่วงปี 2560 จะมีการหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำคัญอีก 1 ครั้ง คือ แหล่งก๊าซธรรมชาติร่วมไทยมาเลเซีย (JDA-A18) มีกำหนดการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติช่วงเดือนสิงหาคม -กันยายน 2560 ซึ่งการหยุดซ่อมบำรุงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักของภาคใต้
การซักซ้อมการบริหารจัดการจึงมีความจำเป็น เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมมีบทบาทในการแก้ไขสถานการณ์ และมีความเข้าใจในการทำงานแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ที่หลากหลาย จึงมีความจำเป็นต้องจัดการซ้อมแผนครั้งนี้ขึ้น อย่างไรก็ตาม การรองรับสภาวะฉุกเฉินเป็นการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ในขณะที่การวางรากฐานไว้ล่วงหน้าในระยะยาว เช่น การกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ก็มีความจำเป็นและลดภาวะเสี่ยงที่จะเกิดเหตุฉุกเฉินด้านพลังงานได้