นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมกบน.มีมติให้คงราคาดีเซลที่ 32 บาทต่อลิตรจนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม หลังจากนั้นจะประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและดีเซลตลาดโลกอีกครั้ง เพื่อกำหนดราคาในประเทศอีกครั้ง ทั้งนี้ แม้ ครม.มีมติลดอัตราภาษีสรรพสามิตดีเซลเพิ่มอีก 2 บาทต่อลิตร รวมกับครั้งก่อน 3 บาทต่อลิตร เป็น 5 บาทต่อลิตร แต่กองทุนยังคงนำไปลดราคาดีเซลในอัตรา 2 บาทต่อลิตรตามเดิม ส่วนอีก 3 บาทต่อลิตร จะนำไปช่วยลดภาระกองทุนที่ปัจจุบันติดลบ 72,062 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 37,854 ล้านบาท และบัญก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี)ติดลบ 34,208 ล้านบาท

“ลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร แต่ยังไม่มีการลดราคาขายปลีกดีเซล เพราะนำไปเสริมสภาพคล่องกองทุน เพื่อช่วยตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตรให้นานที่สุด การลดภาษี 5 บาทต่อลิตร เป็นส่วนของเนื้อดีเซล B0 ที่เดิมเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 6.44 บาทต่อลิตร เมื่อลดลง 5 บาท จะเหลือเรียกเก็บภาษี 1.44 บาทต่อลิตร แต่ปัจจุบันประเทศไทยใช้น้ำมันดีเซลแบบผสมที่ 7% หรือ B7 ที่เรียกเก็บภาษีอยู่ที่ 5.99 บาทต่อลิตร เมื่อนำภาษีจากเนื้อดีเซลมาผสมจะส่งผลให้มีการลดภาษีเหลืออยู่ที่ 4.65 บาทต่อลิตร จะคงเหลือเก็บภาษีน้ำมัน B7 อยู่ที่ 1.34 บาทต่อลิตร”นายกุลิศกล่าว

รายงานข่าวจาก สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และบางจาก แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด ขึ้น 1 บาทต่อลิตร เว้น อี85 ปรับขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดคงเดิม มีผลวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป 

โดยราคาขายปลีก เป็นดังนี้ เบนซิน 95 (เฉพาะพีทีที สเตชั่น) ราคา 42.95 บาทต่อลิตร อี20 ราคา 41.84 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์91 ราคา 42.68 บาทต่อลิตร อี85 ราคา 35.84 บาทต่อลิตร ดีเซล บี5 ราคา 31.94 บาทต่อลิตร และดีเซลพรีเมียม ราคา 40.36 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร

รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุการปรับราคาดังกล่าวเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ ขยับขึ้นแรง 4.21 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขึ้นไปอยู่ที่ 110.70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดกลุ่มเบนซินลดลง โดยเฉพาะ อี20 เหลือเพียง 1.81 บาทต่อลิตร โซฮอล์95 เหลือเพียง 0.29 บาทต่อลิตร และโซฮอล์91 เหลือเพียง 0.47 บาทลิตร