AIS โดย AIS Business ในฐานะผู้นำด้านบริการโซลูชันดิจิทัล จึงได้ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลวิมุตอย่างใกล้ชิด นำความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อออกแบบและพัฒนาบริการร่วมกันในทุกขั้นตอน ผสานระหว่าง Physical กับ Digital เข้าด้วยกัน ให้เกิดประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ AIS Business ได้นำเอาดิจิทัลเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาให้บริการไอซีทีแบบครบวงจร ซึ่งประกอบไปด้วย
• Turnkey IT Solutions นับเป็นครั้งแรกที่ AIS ใช้ศักยภาพด้านโครงข่ายและผสานความสามารถร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเข้าไปให้บริการได้แบบครบวงจร
• การวางระบบงานด้าน ICT การจัดการฐานข้อมูลหรือ Data Center ระบบสื่อสารและอุปกรณ์ไอที
• Managed IT Services การให้บริการอย่างครบวงจรด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปสนับสนุน พร้อมให้คำแนะนำช่วยเหลือ และดูแลระบบการใช้งานตลอดเวลา
• Digital Services การออกแบบแอพลิเคชันสำหรับโรงพยาบาลวิมุต รวมถึงระบบเพื่อให้บริการวัคซีน และบริการที่ช่วยยกระดับการทำงานทางการแพทย์ อย่างระบบเทเลเมดดิซีน เพื่อให้คนไข้หรือผู้รับบริการได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ในการรักษา
• Cloud Contact Center ระบบการสื่อสารภายในที่ช่วยเชื่อมต่อการทำงานของส่วนต่างๆ ทั้งในแง่ของการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการบริหารจัดการ
“AIS เราเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เรามีเทคโนโลยีระดับโลก แต่เทคโนโลยีเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์ถ้าเราไม่สามารถนำมาใช้ ซึ่ง Healthcare เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากในประเทศไทย และยังมีช่องทางในการเติบโตอีกมาก เราจะต้องสร้างความแตกต่างให้กับอุตสาหกร
ด้าน นพ.สันติ เอื้อนรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวถึงความร่วมมือกับ AIS ว่า “โรงพยาบาลวิมุต เป็นโรงพยาบาลที่เปิดมาได้เพียง 1 ปี มีเป้าหมายสู่การเป็น Smart Hospital เป็นแพลตฟอร์มที่มากกว่าโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรก จึงต้องหาดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามายกระดับการทำงาน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวที่นำเอาไอซีทีมาดูแลทั้งระบบ เข้ามาช่วยให้การทำงานเกิดประสิทธิผลอย่างชัดเจนใน 3 ด้าน คือ
1. ลดภาระบุคลากร เช่นการที่มีเอกสารจำนวนมาก หรือจะต้องเซ็นเอกสารจำนวนมาก ก็เปลี่ยนใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี
2.เพิ่มความปลอดภัยคนไข้ เช่นระบุตัวคนไข้ถูกต้อง ถูกอาการ ทำได้ง่าย มีความแม่นยำ
3.เพิ่มประสบการณ์ลูกค้า ที่มีบริการอื่น ๆ อย่างหลากหลายเข้าถึงได้ง่าย มีความเชื่อมั่นหรือมั่นใจ เข้าใช้ได้ง่ายทุกระดับ
“มากไปกว่านั้นความร่วมมือครั้งนี้ ยังสามารถตอบโจทย์หลักการ 4 ข้อที่ทางโรงพยาบาลยืดเป็นภารกิจในการดำเนินงาน คือ 1. Available พร้อมรับคนไข้ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุด พร้อมรับผู้ป่วยทุกโรค 2. Accessible สามารถเข้าถึงการรักษาได้ โดยไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาล 3.Assured โรงพยาบาลต้องมีมาตรฐาน และ 4.Affordable ค่าใช้จ่ายเข้าถึงได้” นพ.สันติ กล่าว
“โจทย์ของการพัฒนาโรงพยาบาลวิมุตคือ การทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ทำให้คนไข้สามารถเข้าถึงโรงพยาบาลได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ต้องชื่นชมทางโรงพยาบาลวิมุต ที่มีความตั้งใจและทำงานร่วมกันตั้งแต่วันแรกจนโครงการสำเร็จออกมาได้ เรามั่นใจว่าในอนาคตจะเกิดการต่อยอดบริการใหม่ๆ Use Case ใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย โดยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ พัฒนาบริการที่เข้ามาตอบโจทย์ทั้งโรงพยาบาล และคนไข้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็น Metaverse เข้ามาให้บริการทางการแพทย์” นายธนพงษ์ กล่าว