นายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยได้แจ้งมติคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดการหนี้ของเกษตรกร ซึ่งเป็นการพิจารณาข้อเสนอของสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย (สกท.) ยื่นผ่าน กฟก. ซึ่ง สกท.และ กฟก. ขอให้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรระหว่าง กฟก. และสมาคมฯ โดยเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 สมาคมฯได้จัดส่งบันทึกข้อตกลงที่ได้ผ่านการพิจารณาของชมรมนักกฎหมายของสมาคมฯ แล้ว ตามที่มีการหารือกัน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 เพื่อลงนามร่วมกัน
“วัตถุประสงค์ของการจัดทำบันทึกข้อตกลงนี้ เพื่อให้การจัดการแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ของเกษตรกรสมาชิกที่ขึ้นทะเบียนหนี้ไว้กับ กฟก. เพื่อดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร”
ด้าน นายยศวัจน์ ชัยวัฒนสิริกุล รองประธานกรรมการบริหารฯ คนที่ 1 และที่ปรึกษา สกท. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรได้ครอบคลุมทันต่อความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยมีการปรับเนื้อหาของบันทึกข้อตกลงที่สำคัญ เช่น คุณสมบัติของลูกหนี้เกษตรกร เป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกร ต้องขึ้นทะเบียนหนี้กับ กฟก. ก่อนวันที่ 31ธันวาคม 2565 ภาระหนี้เงินต้นกับธนาคารสมาชิกรวมกันทุกบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังรวมถึงการชะลอการดำเนินการทางกฎหมายให้กับพี่น้องเกษตรกรสมาชิก กฟก. ไม่น้อยกว่า 150 วันทำให้แนวการการจัดการหนี้ของ กฟก. เกิดความคล่องตัว รวดเร็วยิ่งขึ้น