พ่อเฒ่า โชคร้ายออกไปกรีดยางจ๊ะเอ๋ช้างพลายหันหลังเตรียมหนีไปหลบหลังต้นยูคา แต่ไม่ทันถูกชาร์ตถึงตัวไม่รู้โดนอะไรทำให้หมดสติ สะลึมสะลือขึ้นมาเห็นช้างยืนค้ำหัวเลยหลับตาแกล้งตาย ช้างใช้งวงเขี่ยก่อนเดินหนีทำให้รอดตายหวุดหวิด

     ลุงทองบุตร  ชัยเฉลิม อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 3 บ้านทุ่งแฝก ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เหยื่อพลายละมุดเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่แทบเอาชีวิตไม่รอดจากการถูกเจ้าพลายละมุดทำร้าย ขณะออกไปกรีดยางในสวนบางหลังบ้าน ว่า ขณะที่ตนกำลังเดินเข้าไปในสวนหไม่ทันสังเกตุว่ามีช้างหลบอยู่ด้านหลังป่ายาง พอตนเดินคล้อยหลังไปราวย 10 กว่าก้าว ช้างได้พุ่งเข้ามาหาตนช่วงนั้นคิดไมท่ออกว่าจะทำอย่างเพราะมีนนวดเร็วมาก จึงพยายามว่างหนีไปหลบหลังต้นยาลิปตัส แต่ไม่ทัน ช้างได้พุ่งเข้ามาชน จนล้มลงหมดสติมารู้ตัวอีกที เห็นช้างเข้ามายืนค้ำหัวใบช้งวงลธูบที่หน้าอก ในขณะที่ตนนอนกอดอกคุดคู้ทำเป็นแกล้งตาย ช้างพลายลัมุดใช้งวงลูบไปสองสามครั้งในช่วงเวลบาราว 10 นาที ซึ่งตนคิดว่าเป็นเวลาที่นานที่สุดในชีวิต ก่อนที่ช้างพลาสยละมุดจะเดินหนีไป

     ลุงทองบุตร เล่าต่อว่า หลังช้างเดินจากไปตนได้กลิ้งลงไปในร่องที่ขุดไว้ ก่อนร้องตะโกนเรียกลูกชายที่ออกมาทกรีดยบางพร้อมกันแต่อยู่คนละจุด แต่ไม่ได้รับเสียงตอบรับ จึงพยายามกัดฟันคลานไปยังจุดที่คิดว่าลูกชายกรีดยางอยู่ จนพบและลูกชายได้พาส่งโรงพยาบาล นาดี ซึ่งแพทย์ได้รับรักษาด้วยการเอ๊กเรย์ แต่ไม่พบความผิดปกติจึงให้ยามารับประทานและให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน ตอนนี้ขยับตัวไม่ได้เจ็บระบมร่างกายไปหมด ไม่นับแผลที่ถูกช้างทำร้ายที่ใบหน้าจนต้องเย็บถึง 17 เข็ม ทางบอุทยาน ทับลาน ได้เข้ามาเยี่ยมและมอบเงินปลอบขวัญ 3000 บาท กับสิ่งของบางอย่าง ถามว่า ช่วงเกิดเหตุกลัวหรือไม่ ตนไม่กลัวเพราะถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดไม่มีเวลาคิดแล้ว  เมื่อหายจากการบาดเจ็บก็ยังจะต้องเข้าสวนไปกรีดบยางบเหมือนเดิมเพราะเป็นอาชีพที่ต้องทำ ไม่ทำก็ไม่มีกิน แปลกใจนิดนึงปกติช้าสงจะเข้ามาบริเวณดังกล่าวราว 5 ทึ่ม เที่ยงคืน แต่เดี๋ยวนี้ 4 – 5 โมเย็นก้เข้ามาแล้ว จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น

     ขณะเดียวกันนางสาว บุญเตือน  เผ่าเพ็ง อายุ  55 ปี น้องภรรยาที่มาดูและพี่สาวที่ป่วยหกล้มขาหักเมื่อ4 เดือนที่แล้ว เล่าว่า ช้างตัวดังกล่าว ได้เคยเข้ามาที่บ้านและพังครัวหลังบ้านจนพังเสียหาย้เมื่อวันที่  1 มิ.ย. 2565 ห่างจากที่พี่เขยถูกเจ้าบละมุดช้างตัวเดิมทำร้ายเพียง 5 วัน ซึ่งทาง ป่าไม่ได้เข้ามาช่วยซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายแล้วแต่ไม่รู้ว่าวันไหนมันจะเข้ามาอีกเพราะช่วงนี้จะเข้ามาบ่อยมาก 

     ในขณะที่ชาวบ้านที่มาเยี่ยมลุงทองบุตร เปิดเผยว่า ปกติพื้นที่นี้ไม่เคยมีช้างเข้ามา แต่ช่วงหลังโควิดระบาด พบว่ามีการนำช้างจากที่อื่นมาปล่อยทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน จนท.ป่าไม้ก็ไม่ได้สนใจความเดือดร้อน ให้แต่คอยถ่ายรูป ไม่รู้ว่าในอนาคตชาวบ้านจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป

ทีมข่าวปราจีนบุรี