นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวในงานเสวนาจิบน้ำชาไขข้อข้องใจ PDPA สมาคมนักข่าว ว่า กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ยกเว้นไม่บังคับใช้กับผู้โพสต์หรือแชร์ข้อมูลส่วนตัวหรือกิจกรรมในครอบครัวตัวเอง ที่ไม่ได้มุ่งหาประโยชน์อื่น การทำงานของสื่อมวลชนตามจริยธรรมทางวิชาชีพ และการเก็บรวบรวมข้อมูลของหน่วยงานในการรักษาความมั่นคงและประโยชน์สาธารณะของประชาชน
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์เฉลี่ยวันละกว่า 8 ชั่วโมง และทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์ที่ต้องมีการแจ้งชื่อ เบอร์โทร ข้อมูลการติดต่อ ทำให้มีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานที่ไปจัดเก็บอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบสื่อสารจำนวนมาก โดยที่ตัวเจ้าของข้อมูลอาจไม่รู้ตัว และสะท้อนว่ามีโอกาสพลั้งเผลอที่อาจปล่อยข้อมูลส่วนตัวเข้าสู่ระบบเครือข่ายเทคโนโลยีอย่างไม่ตั้งใจ รัฐบาลเห็นความสำคัญในการออก พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA มาบังคับใช้ หลักการสำคัญคือเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคล
ขณะเดียวกันอยากให้สื่อมวลชน ศึกษาทำความเข้าใจกฎหมายฉบับนี้ในเรื่องการยกเว้น โดยพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลฯ ได้กำหนดข้อยกเว้น ในมาตรา 4 ซึ่งมีข้อยกเว้นที่กฎหมายฉบับนี้ไม่บังคับใช้ ได้แก่ 1.ข้อมูลที่โพสต์หรือแชร์ เป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องในครอบครัว ไม่ใช่เรื่องการค้า หรือการไปหาประโยชน์ใดๆ
2.การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน การเสนอข่าว การทำหน้าที่ตามมาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพ ซึ่งจะไม่ผิดตามกฎหมายฉบับนี้ อย่างไรก็ตามต้องระวังว่าอาจไปละเมิดกฎหมายอื่นๆ ได้แก่ กฎหมายหมิ่นประมาท เป็นต้น และ 3.งานด้านความมั่นคง เพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน เพื่อรักษาความสงบสุขของประชาชน โดยจะมีข้อมูลของประชาชนจำนวนมาก จาการที่ต้องติดตามสืบสวนคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับภัยความมั่นคง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของข้อมูลจากการทำธุรกรรมระหว่างประชาชนกับบริษัทร้านค้าต่างๆ รวมถึงข้อมูลที่ให้ไว้กับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งองค์กรทั้งรัฐและเอกชนต่างๆ ต้องมีการปรับตัวในการลงทุนทำระบบป้องกัน โดยมองว่าระบบแรกที่ต้องดำเนินการ คือ การบริหารจัดการภายในเกี่ยวกับบุคลากรมีการให้ความรู้ และมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจนในการไม่ปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหล
“กรณีที่ประชาชนพบข้อมูลส่วนตัวถูกละเมิด สามารถร้องเรียนไปที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และหน่วยงานนั้นๆ ที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหล ขณะเดียวกันสิ่งสำคัญที่สุด คือ รัฐและเอกชน ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับใช้แล้วเกิดประโยชน์ คุ้มครองสิทธิของประชาชนได้จริง และต้องไม่เป็นภาระต่อประชาชน หรือผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ มากเกินไป”นายชัยวุฒิกล่าว