สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารกระเหรี่ยงกับทหารเมียนมาผ่านไปกว่า 10 ชั่วโมงการปะทะด้วยอาวุธหนักยังไม่ยุติชาวบ้านแนวชายแดนขวัญผวาต้องหาที่หลบภัย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะขอข้ามมารักษาฝั่งไทยตามหลักมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่องเจ้าหน้าที่ไทยตรึงกำลังฝั่งไทยเข้ม
เมื่อเวลา 16.00 น. ( 26 มิ.ย. 65 ) สถานการณ์การสู้รบที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยการสู้รบระหว่างทหารกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูหน่วยจู่โจมที่ 201-103 พร้อมดัวยทหารกระเหรี่ยงเคเอ็นดีโอ ( kndo ) และกลุ่มพีดีเอฟ ( pdf ) ได้สนธิกำลังกันจำนวนมากกว่า 100 นายพร้อมอาวุธครบมือได้บุกเข้าโจมตียิงถล่มใส่ฐานที่มั่นของทหารเมียนมา กองพันที่ 32 ชุด บก.ควบคุมที่ 13 บ้านอูเกรทะ อำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับห้วยแม่หม้าย หมู่ที่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยมีการยิงปะทะด้วยอาวุธหนักนานาชนิดตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมายาวมาถึงช่วงเย็นวันนี้โดยผ่านไปถึง 10 ชั่วโมงเสียงปืนและเสียงระเบิดจากการยิงปะทะของทหารทั้งสองฝ่ายยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้ยินเสียงระเบิดได้อย่างชัดเจนในฝั่งชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก
ซึ่งการปะทะล่าสุดในวันนี้ทหารกระเหรี่ยงเคเอ็นยูและฝ่ายพันธมิตรมีเป้าหมายที่จะบุกเข้ายึดฐานใหญ่ของทหารเมียนมา ฐานบ้านอูเกรทะ ซึ่งภายในฐานดังกล่าวมีทหารเมียนมาพร้อมอาวุธหนักประจำการอยู่ประมาณไม่ต่ำ 70 นาย ซึ่งการยิงปะทะตลอดทั้งวันนี้อยู่ห่างแนวชายแดนไทยภเมียนมาไปเพียง 400 เมตรก็ส่งผลทำให้ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคเกษตรกรรมซึ่งมีบ้านเรือนติดกับลำห้วยวาเล่ย์ ซึ่งเป็นลำห้วยกั้นพรมแดนไทย-เมียนมาขนาดเล็ก ชาวบ้านหลายคนต่างขวัญผวาและอพยพหนีออกแนวชายแดนไปพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยหลายจุดซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเด็กและคนชราส่วนราษฎรไทยส่วนใหญ่ยังคงอยู่เฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ในบ้านพักของตนเองแต่ก็มีการเตรียมความพร้อมที่จะอพยพโดยทันทีหากมีกระสุนปืนจากอาวุธหนักหลุดข้ามมายังฝั่งไทยซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกระสุนปืนหลุดข้ามมาตกฝั่งไทยแต่เสียงระเบิดอาวุธหนักที่ระดมยิงจากทหารทั้งสองฝ่ายก็ดังสนั่นข้ามมาถึงหมู่บ้านฝั่งอำเภอพบพระ จนชาวบ้านฝั่งไทยต่างตกใจและมีการเตรียมพร้อมที่จะอพยพหนีได้โดยทันทีหากมีกระสุนปืนหลุดมาตกในเขตไทย
ขณะเดียวกันหลังการยิงปะทะด้วยอาวุธหนักของทหารทั้งสองฝ่ายอย่างดุเดือดตลอดทั้งวันก็ส่งผลทำให้มีราษฎรฝั่งเมียนมาได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิด m-79 และ ค-120 มม.ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้นจำนวน 7 คน ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายอาการสาหัสถูกนำตัวข้ามลำห้วยวาเล่ย์ มาขึ้นฝั่งหมู่บ้านมอเกอร์ไทยซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว โดยมีรถยนต์ของหน่วยกู้ชีพอำเภอพบพระหลายคันได้เข้าไปรับตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยเป็นการช่วยเหลือตามหลักสากลและตามหลักมนุษยธรรมในภาวะภัยสงครามและหน่วยกู้ชีพในพื้นที่ชายแดนอำเภอพบพระ ยังคงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรอรับผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งคาดว่าจะมีอีกจำนวนหลายรายที่จะทยอยข้ามแนวชายแดนมาขอรับการรักษาฝั่งไทยหลังการยิงปะทะยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและคาดว่าจะมีการยิงปะทะกันอย่างหนักแบบขั้นแตกหักช่วงคืนวันนี้ท่ามกลางฝนตกหนักด้วยเช่นกัน ซึ่งการสู้รบที่ยืดเยื้อนี้ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ต้องเฝ้าจับตาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนทั้งคืนนี้
ทีมข่าว จ.ตาก