ทหารกะเหรี่ยงเกือบ 200 นายบุกปิดล้อมทหารเมียนมาเป็นวันที่สามหมายเข้ายึดฐานเมียนมาให้ได้มีการปะทะกันอย่างหนัก ล่าสุดทหารเมียนมาใช้เครื่องรบบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่นับสิบลูก ชาวบ้านเกษตรกรฝั่งไทยต้องหาที่กำบังชุลมุน

เมื่อเวลา 17.00 น. ( 28 มิ.ย. 65 ) สถานการณ์การสู้รบเพื่อแย่งชิงพื้นที่สำคัญในรัฐกะเหรี่ยงถึงขั้นวิกฤตเข้าสู่วันที่ 3 หลังจากทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู กองพันหน่วยจู่โจมที่ 201 และ 103 กองพลที่ 6 สนธิกำลังกับทหารเคเอ็นแอลเอ ( knla )  พร้อมดัวยทหารกระเหรี่ยงเคเอ็นดีโอ (  kndo ) และกลุ่มพีดีเอฟ ( pdf ) ล่าสุดมีกำลังรวมกันเกือบ 200 นาย  นำกำลังเข้าไปปิดล้อมฐานทหารเมียนมา ฐานปฏิบัติการขนาดใหญ่บ้านฮูเกรทะ กองพันที่ 32 ชุด บก.ควบคุมที่ 13 อำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับห้วยแม่หม้าย หมู่ที่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก 

ซึ่งล่าสุดทหารกะเหรี่ยงซึ่งสนธิกำลังพร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและเครื่องยิงระเบิดหลายชนิดได้เข้าประชิดถึงแนวหน้าของฐานทหารเมียนมาฐานบ้านอูเกรทะแล้วแต่ถูกทหารเมียนมาจำนวนมากกว่า 50 นายยิงตอบโต้ด้วยปืนกลหนักและมีการยิงตอบโต้จากฐานเครื่องยิงลูกระเบิด ค.120 มม. จากฐานทหารเมียนมาใกล้เคียงระดมยิงใส่ทหารกะเหรี่ยงจำนวนหลายสิบลูกจนเกิดการยิงปะทะกันอย่างหนักนานหลายชั่วโมง ต่อมาเวลาทหารเมียนมาได้ร้องขอสนับสนุนลูกระเบิดและกระสุนปืนมาเสริมแนวหน้า เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงของทหารเมียนมาจำนวน 1 ลำได้บินมาส่งอาวุธที่ฐานทหารบ้านวาเล่ย์ใหม่จากนั้นเครื่องบินรบทหารเมียนมาจำนวน 2 ลำได้บินระดับต่ำเลียบแนวชายแดนไทย-เมียนมา พร้อมยิงจรวดถล่มใส่ทหารกะเหรี่ยงจำนวนหลายลูกเสียงระเบิดดังสนั่นแนวรบและสามารถมองเห็นกลุ่มควันจากลูกระเบิดของการโจมตีทางอากาศได้อย่างชัดเจนในฝั่งอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งการยิงปะทะกันอย่างหนักในรอบบ่ายของวันที่สามของการปะทะแย่งชิงพื้นที่สำคัญนั้น ก็ทำให้ชาวบ้านฝั่งไทยที่มีพื้นที่เกษตรกรรมและออกมาทำงานในพื้นที่เกษตรของตนเองใกล้แนวชายแดนต่างก็ตกใจเสียงระเบิดที่ดังสนั่นดอยชายแดนจนทุกคนต้องวิ่งหาที่กำบังหลบกระสุนปืนที่อาจจะหลุดลอยข้ามมาฝั่งไทยได้ตลอดเวลาจนชาวบ้านหลายๆคนต้องรีบออกจากพื้นที่เนื่องจากความไม่ปลอดภัย

ส่วนที่บ้านวาเล่ย์ใต้ หมู่ที่ 2 อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้แนวยิงปะทะและเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ชาวบ้านหลายครอบครัวต่างก็เร่งทำการตรวจเช็คหลุมหลบภัยที่สร้างอยู่ใต้ถุนบ้านของตนเองในแต่ละหลังให้อยู่ในสภาพพร้อมหลบภัยได้ทันทีหกมีกระสุนปืนหลุดข้ามชายแดนมาตกในหมู่บ้าน ซึ่งคุณยาย ยวง มันสุติน อายุ 74 ปีชาวบ้านวาเล่ย์ใต้กล่าวว่า ตนเองเคยผ่านประสบการณ์สงครามแนวชายแดนมาตั้งแต่เด็กจนมาถึงปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนก็ยังไม่สงบซึ่งตนเองก็เตรียมความพร้อมของหลุมหลบภัยและมีการซักซ้อมการหนีภัยหลายครั้งแล้ว 

ล่าสุดการยิงปะทะของทหารทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินการยิงปะทะด้วยอาวุธหนักอย่างต่อเนื่องโดยแนวยิงห่างจากแนวชายแดนเพียง 400 เมตร จนทำให้ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ได้ปิดเส้นทางเลียบแนวชายแดนเส้นทางบ้านมอเกอร์ไทยไปบ้านวาเล่ย์ใต้ เป็นการชั่วคราวพร้อมมีการตั้งจุดตรวจยานพาหนะและตรวจบุคคลอย่างเข้มงวด ซึ่งคาดว่าทหารทั้งสองฝ่ายจะยิงปะทะกันหนักขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่อาจจะถึงขั้นวิกฤต หากการยิงปะทะจะยื้อเยื้อหลายวันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านตลอดแนวชายแดนสองประเทศ

ทีมข่าว จ.ตาก