ปธ.บ.วิเศษปาล์ม ออกโรงแจง เข้าซื้อโรงงานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด 320 ล้าน ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่หวั่นถูกดีเอสไอ ตรวจสอบทุจริต เชื่อในความบริสุทธิ์

กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีการทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด เป็นคดีพิเศษโดยมีการบุกเข้าตรวจค้นหาหลักฐานเอกสารใน จ.กระบี่ 9 จุด เพื่อแสวงหาหลักฐานพิสูจน์ความผิด และพบว่ามีบริษัทผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง เข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของโรงงานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด แห่งที่ 2 สาขาคลองท่อม โดยมีเหตุอันควรเชื่อว่าน่าจะเป็นการครอบครองหรือการได้มาโดยมิชอบ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด มาก่อน และผู้บริหารบริษัทดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้บริหารของชุมนุมสหกรณ์ฯ โดยมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูง ที่อาจจะเข้าข่ายเป็นคณะผู้บริหารเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง จนส่งผลต่อผู้ถือหุ้นสหกรณ์ที่เป็นเกษตรกรชาวสวนปาล์ม มากกว่า 50,000 ราย ได้รับความเสียหาย

และเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พร้อมด้วย พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองปฏิบัติการคดีพิเศษ สนธิกำลังนำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกับนายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และตำรวจภูธร จ.กระบี่ เข้าตรวจค้นบริษัทเป้าหมายที่ตั้งอยู่ภายในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม จำกัด ในพื้นที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เบื้องต้นได้เก็บเอกสารสำคัญบางอย่างไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยงการทุจริต

เกี่ยวเรื่องดังกล่าว นายปกครอง ชูศรี ประธานกรรมการ บ.กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯได้ทำการซื้อโรงงานปาล์มชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด สาขาคลองท่อม อย่างถูกต้อง โดยก่อนที่จะมีการซื้อขายโรงงานฯระหว่างชุมนุมสหกรณ์ขาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด กับ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ทางชุมนุมสหกรณ์ฯ ได้ประกาศขายกิจการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม สาขาคลองท่อม ซึ่งมีการประกาศขาย ถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 มติที่ประชุม ปี 60 ลงวันที่ 30 พ.ค.62 ประกาศขายราคากลาง 375 ล้านบาท (ไม่มีผู้เสนอราคา)ประกาศใหม่ ครั้งที่ 2 ลงวันที่ 31 มี.ค.63 ราคากลาง 350 ล้านบาท (ไม่มีผู้เสนอราคา) ครั้งที่ 3 ลงวันที่ 25 ก.ย.63 ได้กำหนดราคากลาง 320 ล้านบาท 

โดยในครั้ง ที่ 3 มีผู้เสนอ 2 ราย รวมทั้ง บ.วิเศษปาล์มฯ แต่รายที่ 1 ไม่พร้อมทำสัญญาซื้อขายกับชุมนุมสหกรณ์ฯ ทางชุมนุมสหกรณ์ฯ จึงได้ให้บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด เข้ามาทำสัญญาจะซื้อจะขายในวันที่ 23 มี.ค.64 ณ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดกระบี่  ซึ่งมีข้าราชการสำนักงานสหกรณ์จังหวัดกระบี่ ข้าราชการสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดกระบี่และเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมีสัญญาแบ่งจ่ายๆเป็นงวดๆรวม 12 งวด และเป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย 

นายปกครอง กล่าวด้วยว่า ผู้บริหาร และสมาชิกฯบ.วิเศษปาล์มฯ ไม่ใช่กลุ่มนายทุน แต่เกิดจากการรวมกลุ่มของเกษตรกร ปัจจุบันมีสมาชิกรวมกันทั้งหมด ประมาณ 100 กว่าราย และยอมรับว่า ทางดีเอสไอ ได้เข้ามาขอตรวจค้นข้อมูลจริง ซึ่งตนก็ได้มอบให้ไป ไม่เคยปิดบังเพราะอยากให้ดีเอสไอทำความริงให้กระจ่าง ว่าใครคือคนที่ทำให้ชุมนุมสหกรณ์ฯเสียหาย ขาดทุนหลายร้อยล้าน และหากตรวจพบว่า บ.วิเศษปาล์ม ผิดก็ว่าไปตามพยานหลักฐาน แต่หากไม่ผิดก็ขออย่ายัดเยียดความผิดให้  และฝากไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและถูกต้องที่สุดตอนนี้บริผษัทฯก็เหมือนแพะรับบาปเพราะฉะนั้นตนขอฝากไปยังอำนาจรัฐและอำนาจต่างๆที่พวกเขามีอยู่ในมืออย่ารังแกชาวสวนปาล์ม อย่ารังแกคนงานที่ได้รวมตัวกันจัดตั้งบริษัทฯและขอฝากไปยังสื่อมวลชนควรเสนอข่าวให้รอบด้านเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและพร้อมให้ตรวจสอบความจริง

ทีมข่าวกระบี่