นางสาวอัฉราพร รำเพย ประธานศูนย์สาธิตเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เดิมทีมีอาชีพทำการเกษตรปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันในพื้นที่ชุมชนแสนสุข หมู่ที่ 4 ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน แต่ราคาผลผลิตไม่เสถียร จึงคิดหาอะไรมาสร้างรายได้เพิ่มให้กับครอบครัว อีกทั้งได้รู้จักกับเพื่อนที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น ได้ซื้อเมล็ดมาเพาะที่ประเทศไทย เลยไปขอซื้อแบ่งมา โดยที่ประเทศญี่ปุ่นเขาเอาใบมาทำชา ก็เลยลองเอามาปลูกดู โดยไม่คิดว่าชบาเมเบิ้ลจะขึ้นที่เมืองไทยได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ส่วนคนที่เอาเมล็ดมาเพาะปลูกนั้น ส่วนใหญ่จะเอามาตกแต่งสวนไม่ได้เน้นเอามาทำชา แต่ในความคิดของตนมองว่าชบาเมเบิ้ลมีสรรพคุณต่อร่างกายหลายอย่าง ซึ่งการทำชาจะให้สรรพคุณครอบคลุมเกือบทั้งหมด และใบชบาเมเบิ้ลยังสามารถรับประทานใบสดและใบแห้งได้ นอกจากนี้แล้วยังมีดอกที่จะออกช่วงประมาณปลายปี และสามารถที่จะนำไปรับระทานได้เช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่มาเยี่ยมชม เพราะบางคนไม่เคยเห็น
นางสาวอัฉราพร รำเพย กล่าวต่ออีกว่า ต้นชบาเมเบิ้ลเป็นพืชตระกูลเดียวกับกระเจี๊ยบ โดยในเบื้องต้นได้ปลูกไปแล้วประมาณ 3 ไร่ ในพื้นที่สาธารณที่ประชาชนในชุมชนสามารถที่จะมาใช้ร่วมกันได้ และได้เก็บใบสดจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ก่อน เนื่องจากยังมีวัตถุดิบไม่เพียงพอ ซึ่งมีลูกค้ามาซื้อในราคากำละ 20 บาท หรือจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ล่าสุดมีเพื่อนๆ ที่อยู่จังหวัดพังงา ภูเก็ต ได้สั่งซื้อเข้ามาแต่ต้องรออีกประมาณ 2-3 เดือน และต้องรอให้เจริญเติบโตเต็มที่ก่อน จึงจะคิดหาช่องทางในการจำหน่ายเพิ่มเติมอีกครั้ง
ทั้งนี้การปลูกชบาเมเบิ้ล ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร ที่สร้างรายได้เพื่อเลี้ยงครอบครัว และสามารถที่จะนำไปประกอบเป็นเครื่องดื่มหรืออาหารได้อีกหลากหลายชนิด