พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ว่า มีความคืบหน้าพอสมควร เบื้องต้นสามารถรู้ตัวผู้ต้องสงสัย มีภาพจากกล้องวงจรปิดและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ให้เป็นหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง และให้รอหลักฐานจากตำรวจเพื่อความแน่ชัด แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องการกำลังช่วยเหลือ ก็พร้อมที่จะเข้าสนับสนุนกำลังพลในการเข้าดำเนินการ

โดยเบื้องต้นยังไม่มั่นใจว่าเชื่อมโยงกลุ่มฮาร์ดคอร์ทางการเมืองที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดว่าเป็นกลุ่มไหน ซึ่งต่อจากนี้จะมีการดูแลพื้นที่พิเศษหลายพื้นที่ ต้องเฝ้าระวังทุกๆ ที่และจะขยายกำลังพลให้มากที่สุด เพราะแม้แต่ในโรงพยาบาลผู้ก่อเหตุยังสามารถลงมือทำได้

ส่วนจะเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่นั้น เป็นเพียงการวิเคราะห์ ซึ่งยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลดบทบาทลงในช่วงนี้ เพราะ พล.อ.ประวิตร ไม่สบาย แต่ก็กำลังจะกลับมาทำงานตามปกติแล้ว

ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่า การก่อเหตุครั้งนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคนมีสีหรือไม่ ขณะที่การวิเคราะห์ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้ด้วยหรือไม่ ก็เป็นเพียงการวิเคราะห์จากการประกอบวัตถุระเบิดในการใช้ก่อเหตุ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันเท่านั้น

ผู้บัญชาการทหารบก ยอมรับว่า หลังเกิดเหตุระเบิดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้มีการหารือในระดับผู้ใหญ่ ในการนำประกาศ คสช.ฉบับที่ 50/2557 เรื่องให้ศาล ทหารมีอำนาจพิจารณาคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนเครื่องกระสุนวัตถุระเบิดที่ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช. 55/2559 ยกเลิกไปนั้นยังเป็นเพียงการหารือเท่านั้น ยังไม่เป็นนโยบาย และยังไม่มีการเสนอไปยังหัวหน้า คสช. เพื่อพิจารณา

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีการช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทกภัย ว่า วานนี้ ได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของกองทัพภาคที่ 1 และ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ไปเร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และทราบว่าในพื้นที่ได้กลับมาเป็นปกติแล้ว

ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้ห่วงใย และขอให้หน่วยงานช่วยเหลือ และเตรียมเครื่องสูบน้ำ ตามพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งต้องเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ ยอมรับว่าในจังหวัดสุโขทัยยังมีปริมาณน้ำมาก ซึ่ง มณฑลทหารบกที่ 39 เข้าไปดูแลแล้ว และแต่ละหน่วย ได้ประสานกับผู้นำชุมชนในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจ และระมัดระวังทรัพย์สินของตนเอง