กรณีที่นำเสนอข่าวว่า ข้าราชการกรมการค้าภายใน ตระเวนรับประทานอาหารตามร้านที่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีการยัดข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากทางร้านปัดเศษเงินทอนนั้น นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าเรื่องเริ่มจากที่กรมการค้าภายในได้รับคำร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ว่ามีร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าบนถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ปัดเศษสตางค์ จากราคาน้ำดื่มรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการ 35.31 บาท ปัดเป็น 36 บาท พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกไปตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียนมา และเมื่อมาถึงสถานที่ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ทดลองสั่งอาหารมารับประทานเพื่อทดสอบดูตามขั้นตอน และพบว่าเมื่อชำระเงิน มีการปัดเศษสตางค์ขึ้นจริง พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับทางร้านว่า ร้านฯจำหน่ายไม่ตรงกับราคาที่แสดงไว้ อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 45 พ.ศ.2560 เรื่องการแสดงราคาสินค้าและค่าบริการ
ซึ่งในเบื้องต้นทางพนักงานแจ้งว่าเนื่องจากราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ทางร้านแสดงไว้จะเป็นราคาที่ยังไม่รวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ค่าบริการ 10% การคิดเงินจึงมีเศษสตางค์ ทางร้านฯ จึงปัดเศษสตางค์ขึ้นเป็นจำนวนเต็มบาททุกครั้ง ซึ่งพนักงานร้านฯ ไม่ยินยอมชำระค่าปรับและไม่ลงลายมือชื่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังสถานีตำรวจท้องที่เพื่อเชิญตัวผู้แทนของทางร้านฯไปยังสถานีตำรวจเพื่อดำเนิคดี แต่ผู้แทนของทางร้านฯ(ผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลดังกล่าว) ไม่ยินยอมเดินทางไปยังสถานีตำรวจพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหากับทางร้านดังกล่าว ที่สถานีตำรวจ ซึ่งในเวลาต่อมาทางร้านจึงได้ยินยอมให้เปรียบเทียบคดีและเดินทางมาชำระค่าปรับจำนวน 3,000 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นขั้นตอนของการตรวจสอบราคาสินค้าและบริการโดยเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องไปสั่งอาหารและจ่ายเงินเพื่อให้มีใบเสร็จ ไม่มีการยัดเยียดข้อหาหรือไปเรียกค่าปรับเอาตามอำเภอใจ ตามที่มีข่าวอย่างแน่นอน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะไม่สามารถไปยื่นเรื่องที่สถานีตำรวจได้
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามกฏหมาย ผู้จำหน่ายปลีกสินค้าตามบัญชี ก. ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จจะต้องแสดงราคาจำหน่ายปลีก เมื่อแสดงแล้วต้องจำหน่ายให้ตรงกับราคาที่แสดงไว้ดังนั้นโดยหลักแล้วเมื่อมีการคิดเงินค่าอาหารรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการแล้ว มีหน่วยเป็นเศษสตางค์ ผู้จำหน่ายต้องเรียกเก็บค่าอาหารจากผู้บริโภคตรงตามราคาดังกล่าว ไม่สามารถปัดเศษสตางค์และเรียกเก็บค่าอาหารจากผู้บริโภคเพิ่มได้ แต่หากไม่มีเงินเศษสตางค์ใช้ทอนได้ ก็ควรปัดเศษสตางค์ลงเพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค และไม่เป็นการฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว ทั้งนี้หากผู้ประกอบการร้านอาหารมีพฤติกรรมคิดค่าอาหารโดยปัดเศษสตางค์ขึ้นเป็นจำนวนเต็มกับผู้บริโภคทุกครั้ง นับเป็นการจงใจเอาเปรียบผู้บริโภค
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในขอยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้มีเจตนาคุ้มครองผู้บริโภค ตามที่ได้รับการร้องเรียนมาเท่านั้น หากผู้ประกอบการรายใดมีข้อสงสัยว่าบุคคลที่เข้าไปตรวจสอบที่ร้านเป็นเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในจริงหรือไม่ สามารถสอบถามได้ที่สายด่วน 1569 และหากประชาชน พบเห็นการเอารัดเปรียบผู้บริโภค หรือมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับราคาสินค้าและบริการ สามารถแจ้งที่สายด่วน 1569 ได้ตลอดเวลา