ผู้กำกับการ สภ.แม่สอดพร้อมทหาร ฉก.ร.14 ร่วมกันช่วยเหยื่อสาววัย 16 หายตัวไปนับเดือนก่อนพบถูกล่อลวงไปขายบริการในเมียนมาจนแม่หญิงสาวแจ้งความขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุล หลังหญิงสาวฉวยโอกาสแอบส่งพิกัดที่ถูกกักขังมาให้แม่จนเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้สำเร็จ ผกก.แม่สอดเตือนอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่ออุทาหรณ์

พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.สภ.แม่สอด พร้อม พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย ผบ.ฉก.ร.14  อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้ร่วมกันประสานความร่วมมือหลังมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีได้ประสานขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนมายังทหาร ฉก.ร.14 และตำรวจ สภแม่สอด เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.65 ที่ผ่านมา น.ส.อนัสรา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้ติดตามหาตัว น.ส.นก บุตรสาววัย 16 ปี ที่หายตัวออกจากบ้านพักในพื้นที่ อ.กระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ มานานกว่า 1 เดือนซึ่งบุตรสาวแจ้งว่าจะไปหางานทำที่กรุงเทพและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลยและคาดว่าบุตรสาวอาจจะถูกล่อลวงไปที่แนวชายแดนจังหวัดตากหลังบุตรสาวได้ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือมายังมารดาเพื่อแจ้งขอความช่วยเหลือจนมีการแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.กระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ตำรวจช่วยออกค้นหาติดตามหาตัวบุตรสาวอย่างเร่งด่วน

หลังรับแจ้งประสานเหตุด่วน ตำรวจ สภ.แม่สอด พร้อมด้วยทหาร ฉก.ร.14 ร่วมกันจนสามารถสืบทราบพิกัดสถานที่นางสาวนกถูกกักตัวไว้โดยพื้นที่ชายแดนซึ่งเปิดเป็นสถานบริการแห่งหนึ่งอยู่ย่านใจกลางเมืองเมียวดีใกล้กับบ่อนคาสิโนขนาดใหญ่ ในประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เจ้าหน้าที่จึงประสานความร่วมมือระดับท้องถิ่นไปยังจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา จนเจ้าหน้าที่ฝ่ายเมียนมาสามารถเข้าไปตรวจสอบและพบตัวนางสาวนกหญิงสาววัย 16 ปี ตรงตามที่ฝ่ายไทยแจ้งขอให้ช่วยติดตามหาตัวจนช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เมียนมาได้นำตัวนางสาวนก มาส่งให้กับฝ่ายไทยที่รอรับอยู่ในพื้นที่ท่าข้ามชายแดนแม่สอด จากนั้นผู้กำกับการ สภ.แม่สอดพร้อมเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวนางสาวนกไปที่ สภ.แม่สอดพร้อมช่วยเหลือโดยการมอบอาหารน้ำดื่มเสื้อผ้าให้กับนางสาวนกเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น จนนางสาวนกมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นหลังจากการได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.แม่สอด และทหาร ฉก.ร.14

ด้านนางสาวนก เหยื่อค้ากามวัย 16 ปีหลังได้รับการช่วยเหลือกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้อ่านข้อความเชิญชวนในสื่อสังคมออนไลน์ในเฟสบุ๊คว่าต้องการรับสมัครพนักงานพีอาร์สาวจำนวนมากโดยไม่จำกัดวุฒิการศึกษาเป็นงานรายได้สุงเดือนละห้าหมื่นถึงหนึ่งแสนบาท ซึ่งขณะนั้นตนเองอยากช่วยครอบครัวหารายได้จึงหลงเชื่อทักข้อความตอบไปสมัครงานด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์โดยนายหน้าได้ออกค่าเดินทางให้ทั้งหมดจนมีการนัดเจอกันในสถานที่แห่งหนึ่งจากนั้นมีการเดินทางออกจากจังหวัดบุรีรัมย์มาส่งที่ชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตากและลักลอบข้ามแนวชายแดนในพื้นที่ท่าข้ามธรรมชาติที่ตนเองไม่ทราบจุดที่แน่นอนจนไปขึ้นฝั่งจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา จากนั้นมีคนเมียนมามารับตนเองไปพักในห้องพักพร้อมห้ามติดต่อสื่อสารกับผู้ใดและยังได้บังคับตนเองให้ทำงานใช้หนี้การนำพามาทำงานในเมียนมาและยังบังคับให้ตนเองไปบริการผู้ชายที่มาเที่ยวในสถานบันเทิงโดยที่ตนเองไม่เต็มใจและช่วงก่อนสิ้นเดือนที่ผ่านมานายหน้าได้อนุญาติให้ตนเองใช้โทรศัพท์ได้เพียงไม่กี่นาทีตนเองจึงรีบฉวยโอกาสเพียงครั้งเดียวรีบส่งข้อความไปหามารดาเพื่อขอให้มารดาช่วยตนเองจนเวลาผ่านไปไม่กี่วันตนเองก็ได้รับความช่วยเหลือนำตัวกลับมาส่งในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งตนเองเหมือนตายแล้วเกิดใหม่จากนรกบนดินเพราะถูกหลอกไปขายบริการและขอขอบคุณทหาร ฉก.ร.14 ตำรวจ สภ.แม่สอด และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ช่วยชีวิตตนเองรอดกลับมาบ้านได้ในวันนี้ ขณะที่ พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.สภ.แม่สอดกล่าวว่า การช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นการประสานความร่วมระหว่างท้องถิ่นชายแดนไทย-เมียนมา จนสามารถช่วยเหลือหญิงสาวรายนี้ที่ถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศโดยใช้เงินค่าจ้างมูลค่าสุงเป็นตัวล่อเหยื่อให้หลงกลซึ่งเป็นกลวิธีการรูปแบบเดิมผ่านโลกสังคมออนไลน์ซึ่งหญิงสาวรายนี้โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นผลสำเร็จซึ่งตำรวจ สภ.แม่สอดได้เข้าไปช่วยเหลือปรับสภาพจิตใจจนหญิงสาวยอมเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้ตำรวจ ซึ่งขณะนี้ตำรวจ สภ.แม่สอดได้ประสานไปที่มารดาของหญิงสาวเพื่อให้ผู้ปกครองเดินทางมารับตัวบุตรสาวที่ สภ.แม่สอด และตำรวจ สภ.แม่สอด ขอย้ำเตือนให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานโดยเฉพาะบุตรสาวให้หมั่นสอดส่องดูแลอบรมบุตรหลานของท่านและอย่าได้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพว่าสามารถพาไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นงานแบบสบายและได้รับเงินเดือนสูงแต่สุดท้ายอาจจะถูกหลอกไปขายบริการตำรวจ สภ.แม่สอด จึงขอฝากเตือนทุกท่านทุกครอบครัวโปรดอย่าได้หลงเชื่อกลลวงในลักษณะดังกล่าวอย่างเด็ดขาด

ทีมข่าว จ.ตาก