นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีนำพ่อแม่เหยื่อสาววัย 16 ปีถูกหลอกขายบริการที่เมียนมาเข้ารับตัวบุตรสาวที่ชายแดนแม่สอดไปดูแลพร้อมดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาดพร้อมเตือนหญิงสาวอย่าตกเป็นเหยื่อ

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีได้นำนายนุกูล ( สวงนนามสกุล) อายุ 41 ปีและนางสาว อนัสนา ( สงวนนามสกุล ) อายุ 42 ปี ทั้งสองเป็นบิดาและมารดาของนางสาว เอ ( นามสมมุติ) หญิงสาววัย 16 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ล่อลวงพาตัวออกจากจังหวัดบุรีรัมย์แล้วพาลักลอบข้ามแนวชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตากหลอกไปทำงานพนักงานพีอาร์ในสถานบันเทิงร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา แต่กลับถูกนายหน้าบังคับให้ค้าประเวณีโดยเหยื่อสาวไม่ยินยอมจนหญิงสาวแอบส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือแจ้งขอความช่วยเหลือส่งมาให้มารดาพร้อมแจ้งพิกัดว่าถูกกักขังตัวอยู่ในสถานบริการใกล้กับบ่อนคาสิโนฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จนมารดาได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.กระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีได้ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมเข้าการช่วยเหลือเร่งรัดในการค้นหาและช่วยเหลือเหยื่อสาวอย่างเร่งด่วนพร้อมประสานงานไปยัง พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.สภ.แม่สอด และ พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย ผบ.ฉก.ร.14  อำเภอแม่สอด จังหวัดตากให้ช่วยค้นหาทางด้านการข่าว จนเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 ก.ย. 65 ที่ผ่านมาทหารเมียนมาได้พบตัวเหยื่อสาวพร้อมส่งตัวเหยื่อสาววัย 16 ปี พร้อมนำตัวขึ้นเรือหางยาวข้ามแม่น้ำเมยมาส่งที่ท่าข้ามธรรมชาติที่ชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ก่อนเจ้าหน้าที่จะพาตัวเหยื่อสาวรายนี้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแม่สอดพร้อมให้การช่วยเหลือปรับสภาพจิตใจ

ขณะเดียวกันที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีได้นำบิดาและมารดาของเหยื่อสาวรายนี้เข้านำช่อดอกไม้มามอบให้กับ พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.สภ.แม่สอด และ พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย ผบ.ฉก.ร.14 เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ช่วยเหลือบุตรสาวของตนเองได้อย่างปลอดภัย โดยนางสาวอนัสนา อายุ 42 ปี มารดาเหยื่อสาวรายนี้กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าทีตำรวจ สภ.แม่สอด ทหาร ฉก.ร.14 และมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีและฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้าช่วยเหลือบุตรสาวของตนเองได้กลับบ้านเกิดโดยปลอดภัยโดยตนเองกับสามีทำอาชีพก่อสร้างอยู่ที่จังหวัดสระบุรีครอบครัวฐานะยากจนโดยช่วงเกิดเหตุบุตรสาววัย 16 ปีได้พักอาศัยอยู่กับยายที่บ้านในจังหวัดบุรีรัมย์และถูกล่อลวงทางเฟสบุ๊คจากกลุ่มขบวนการจนบุตรสาวข้ามไปยังประเทศเมียนมาและถูกบังคับให้ทำงานข่มขืนจิตใจจนบุตรสาวแอบส่งข้อความขอความช่วยเหลือมาหาตนเองและบุตรสาวบ่นอยากฆ่าตัวตาย ตนเองรับข้อความจากบุตรสาวแล้วจึงรีบไปขอความช่วยเหลือกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหวงสกุลเพื่อเด็กและสตรีให้ช่วยประสานเพื่อขอให้ช่วยชีวิตบุตรสาวตนเองจนสามารถช่วยบุตรสาวตนเองได้สำเร็จซึ่งตนเองรู้สึกดีใจมากที่ได้เจอบุตรสาวอีกครั้ง 

ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหวงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวหลังจากการไปตรวจดูพื้นที่จุดที่เหยื่อสาวลักลอบข้ามช่องธรรมชาติที่ริมแม่น้ำเมยเขตอำเภอแม่สอดกล่าวว่า ตนเองได้รับเรื่องร้องทุกข์จากสองสามีภรรยาว่าบุตรสาวได้หายตัวไปจากบ้านพักและอาจจะถูกล่อลวงจากกลุ่มขบวนการจัดหาหญิงสาวไปทำงานที่เมียนมาโดยกลุ่มขบวนการอ้างว่าจะให้ทำงานเป็นพีอาร์สาวโดยให้เงินค่าจ้างวันละนับหมื่นบาทจนเหยื่อสาวหลงกลถูกล่อลวงข้ามชายแดนไทย-เมียนมาไปส่งตัวในร้านคาราโอเกะกลางเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา จนถูกบังคับให้ค้าประเวณี ตนเองจึงประสานงานไปยังหน่วยงานกระทรวงการต่างประเทศและประสานงานมายังตำรวจ สภ.แม่สอด และทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ให้ช่วยประสานไปทางทหารหน่วยพิทักษ์ชายแดนเมียนมา หรือบีจีเอฟ ให้ช่วยออกติดตามหาตัวจนพบตัวเหยื่อสาวถูกกักตัวอยู่ในห้องพักร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในเมียนมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารเมียนมาจึงส่งมอบตัวเหยื่อสาวตามความร่วมมือระหว่างสองประเทศในระดับท้องถิ่นระหว่างจังหวัดตากและจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา จนสามารถนำตัวเหยื่อสาวส่งกลับคืนสู่อ้อกอดบิดามารดาได้สำเร็จ ส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ตนเองจะนำตัวเหยื่อสาวและผู้ปกครองไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่กรุงเทพเพื่อจะดำเนินคดีสืบหาต้นตอเพื่อจะเข้าทลายกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์และดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไปพร้อมนำคดีนี้เป็นข้อเตือนใจแก่หญิงสาวทุกคนที่คิดจะลักลอบข้ามชายแดนแบบผิดกฎหมายไปทำงานในต่างประเทศโดยหวังเงินเดือนสุงก็อาจจะตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ซึ่งยากต่อการช่วยเหลือ

ทีมข่าว จ.ตาก