ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สังคม / บุคคล ย้อนกลับ
"เจ๊นิกกี้ ตลาดไท" สุดจะทนแจ้ง ตร.จับ น้อง หลาน และสะใภ้ รวมหัวขโมยสินค้าบริษัทแอบขายเสียหายหลายล้านบาท
16 ต.ค. 2565

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ 15 ต.ค 65 น.ส ณิชากร ธัญญชีพ หรือ"เจ๊นิกกี้ ตลาดไท" อายุ 50 ปี เจ้าของธุรกิจซื้อขายพลาสติก และเจ้าของร้านขายอาหารกาแฟชื่อดังย่านปทุมธานี เดินทางมาที่ สภ. คลองหลวง จ.ปทุมธานีพร้อมนำหลักฐานและของกลาง รวมทั้งมาให้ปากคำเพิ่มกับ ร.ต.อ.ธีรศักดิ์ แสนโท พนักงานสอบสวน เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์และรับของโจร พร้อมขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการสืบสวนขยายผลว่ามีใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังในการที่ตนถูกก่อเหตุครั้งนี้อีกด้วย

เจ๊นิกกี้ ฯ ได้กล่าวเปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากตนได้เปิดบริษัทรับซื้อขายพลาสติกและของเก่า ตั้งอยู่อยู่ที่เลขที่ 21/4 หมู่14 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยเปิดทำธุรกิจนี้มานานกว่า 10 ปีและเปิดร้านขายอาหารและกาแฟชื่อดังย่านคลองหลวง  ส่วนเหตุที่มาแจ้งความเพื่อเอาผิดผู้ก่อเหตุนั้นสืบเนื่องมาจาก เงินในบริษัทฯเกี่ยวกับพลาสติกนั้นได้พบว่าหายไปจำนวนมาก โดยเมื่อต้นปี 65 ตนได้เห็นพฤติกรรมของเสมียนสาวของบริษัทคนหนึ่ง มีท่าทางเกรี้ยวกราดและพูดจาไม่ดีกับคนงานหลายครั้ง จนเริ่มมีคนงานอยากลาออก ซึ่งตนก็เคยได้ดูในกล้องวงจรปิดของบริษัท จากนั้นตนจึงได้เดินทางเข้ามาดูแล้วสอบถามข้อเท็จจริงจนทราบว่า น.ส.โอ๋ (นามสมมุติ) เสมียนคนดังกล่าว มีพฤติกรรมเหมือนไม่เกรงใจใครแม้แต่ตนเข้ามาพูดคุย และมีพฤติกรรมอีกหลายอย่างที่น่าสงสัย หลังจากที่ตนให้นายตุ่น (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) หลานชาย มาเป็นหัวหน้าพนักงานและคนงานทั้งหมด ซึ่งทั้งที่ก่อนหน้านี้ น.ส.โอ๋ ไม่เคยมีปัญหาและพฤติกรรมอย่างนี้ จนสุดท้ายตนก็ต้องให้เสมียนสาวคนดังกล่าวพ้นจากหน้าที่

พร้อมกันนี้ก็ได้ให้ น.ส.หวาน (ขอสงวนชื่อสกุลจริง) ลูกสะใภ้มาทำหน้าที่แทนพร้อมกับนายชา (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) น้องชายแท้ๆของตน มาเป็นเสมียนบัญชีคุมสต๊อก แต่ต่อมาเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ตนได้มีการขอตรวจสอบเกี่ยวกับบัญชีและยอดรายรับรายจ่ายพร้อมบัญชีจำนวนสินค้าที่ได้ซื้อเข้าและขายออกไปปรากฏว่าสินค้าได้หายไปจำนวนมากแต่เงินเข้าบริษัทเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมนี้ ตนสั่งซื้อสินค้าเข้ามา 1.4 ล้านบาทแต่ปรากฏว่าสินค้าหมดแต่มีรายรับเข้ามาเพียง 400,000 บาท จึงเกิดความเอ๊ะใจสงสัย จากนั้นตนพร้อมสามีจึงได้แอบตรวจสอบและตรวจเช็คทางลับ พร้อมขอดูข้อมูลหลักฐานต่างๆจากของพนักงานในบริษัท จึงพบว่าได้มีการนำสินค้าของบริษัทออกไปขายโดยไม่นำเงินเข้ามาในบริษัท

จากนั้นเมื่อวันที่ (14 ต.ค.) ตนได้นำข้อมูลหลักฐานมาพบ พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง สว.สืบสวน สภ.คลองหลวง พร้อมนำตัวนายตุ่น หลานชาย นายชา น้องชาย และ น.ส.หวาน ลูกสะใภ้ รวมทั้งนายมาย คนขับรถส่งของของบริษัท ไปทำการสอบสวน โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันนำทรัพย์สินของบริษัทไปขายจริง และทำมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งนั้นจะให้นายมาย ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุก 6 ล้อ หรือ รถกระบะตู้ทึบนำสินค้าไปส่งให้กับลูกค้า โดยที่นายมายไม่ทราบว่าพวกตนนั้นนำไปแอบขาย เพราะเป็นคนขับรถที่ได้รับคำสั่ง จึงกันไว้เป็นพยาน

หลังจากเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำเรียบร้อย และได้ทำ บันทึกลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และบันทึกในการรับสารภาพ หลังจากนั้นในช่วงเช้าวันนี้ (15 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้ผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมดนำพาไปยังร้านที่รับซื้อสินค้าในเขตพื้นที่ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งปรากฏว่าเมื่อไปถึงพบว่าโรงงานที่รับซื้อนั้นเป็นของ น.ส.โอ๋ เสมียนคนที่เคยทำงานอยู่ที่บริษัท โดยพบว่ามีสินค้าอยู่ในร้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แสดงตัวและความบริสุทธิ์ใจ มีการพูดคุยกับเจ้าของและคนดูแลโกดังจนเข้าใจและอนุญาติ ก่อนทำการตรวจยึดและนำมาเก็บไว้เป็นของกลางเพื่อจะตรวจสอบ หลังจากนั้นทางพนักงานสอบสวน จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้ทั้งหมดรวมทั้งการรับสารภาพของผู้ก่อเหตุ และนัดหมายให้ผู้ที่ร่วมขบวนการทั้งหมด ให้มารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งในวันอังคารที่ 17 ต.ค. นี้

ส่วน น.ส.โอ๋ ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเพราะรับซื้อกับคนที่ไม่รู้จักและซื้อมาอย่างถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

สำหรับทรัพย์สินที่เสียหายจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีมูลค่ากว่า 3 ล้านบาทโดย เจ๊นิกกี้ ยังกล่าวว่าตนไม่คิดว่าคนใกล้ตัวซึ่งเป็นญาติแท้ๆและลูกสะใภ้จะกล้ามาทำกับตนขนาดนี้ถือว่าเลี้ยงไม่เชื่อง เนรคุณทุกคน และตนจะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด 

สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...