“ เงินพนันออนไลน์เหล่านี้ที่มีการสำรวจในช่วงฟุตบอลโลกจะสะพัดหลายหมื่นล้าน ถือเป็นเงินนอกระบบที่มีมูลค่า จำนวนมาก แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจใดๆ และยังทำให้เเงินไหลออกนอกประเทศจากที่เว็บไซต์เหล่านี้ เป็นของต่างประเทศด้วย  ในทางกลับกันเรื่องพนันออนไลน์ ได้ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมา โดยเฉพาาะปัญหา ในครอบครัว  เยาวชนที่ติดพนันฟุตบอลออนไลน์ และจะส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ในการหาเงินมาใช้ หนี้พนันด้วย”

 
ปลัดดีอีเอส กล่าวต่อว่า  ในปัจจุบัน ดีอีเอส ได้นำเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยในการตรวจจับ โดยเฉพาะเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เพื่อเก็บข้อมูลที่อยู่บนโซเซียล มีเดีย ซึ่งทำให้รู้ได้ว่า มีเว็บอะไรบ้าง ซึ่งหากตั้งอยู่ในประเทศไทยสามารถประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการหาพื้นที่ตั้งและติดตามตัวคนร้าย และ ขออำนาจศาลสั่งปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์เหล่านี้ได้ทันที

แต่หากเป็นเว็บไซต์ในต่างประเทศ เช่นในประเทศเพื่อนบ้าน  อาจจมีความยากกว่า แต่ก็จะเร่งขอศาลมีคำสั่งปิดกั้น และให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประสาน กับประเทศนั้นๆ เพื่อติดตาม ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป  ซึ่งในเร็วๆ นี้ ดีอีเอสจะมีการออกมาตรการเพื่อป้องกัน และเร่งกวาดล้าง ปราบปรามพนันฟุตบอลออนไลน์ ในช่วงฟุตบอลโลก

อย่างไรก็ตาม สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022  สุดท้ายในครั้งนี้ทางหอการค้าไทย ได้ทำการสำรวจวิจัย พบจะมีเงินสะพัดสูงถึง 75,000 ล้านบาท แต่ เป็นเงินในระบบที่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพียง 18,000  ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในวงเงินที่เหลืออีก 57,000 ล้านบาท จะเป็นเงินนอกระบบที่ใช้เล่นพนันฟุตบอลออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เม็ดเงินเฉลี่ยเพื่อเล่นพนันบอลตลอดการแข่งขันอยู่ที่ 21,580 บาทต่อคน