นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบสารสนเทศ ทั้งนี้ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่าเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการให้เป็นระบบเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลให้การตรวจสอบได้ง่ายขึ้น หากพบทะเบียนต่องสงสัยที่เตรียมการก่อเหตุ หรือก่อเหตุตรวจสอบพบก็สามารถเชื่อมโยงกองบัญชาการตำรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยได้ โดยจะเชื่อมโยงกับระบบของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อบูรณาการในการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้มีการพัฒนาการให้บริการทางพิเศษแก่ผู้ใช้ทางมาโดยตลอด โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการยกระดับการให้บริการเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดในการสัญจรบนทางพิเศษ ซึ่งเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ ที่ กทพ. ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เป็นเครื่องมือสำคัญในการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องของ บช.ก. ได้ โดยปัจจุบัน กทพ. มีปริมาณผู้ใช้ทางพิเศษ เฉลี่ยมากถึง 1.8 ล้านคันต่อวัน
สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบสารสนเทศ ระหว่าง กทพ. และ บช.ก. โดย กทพ.จะทำการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ใช้ทางพิเศษและข้อมูลอื่น ๆ จากฐานข้อมูลระบบจราจรอัจฉริยะที่มีอยู่ในระบบสารสนเทศ ได้แก่ ฐานข้อมูลระบบจราจรอัจฉริยะ (ITS Center) ฐานข้อมูลระบบ Data Exchange Center และฐานข้อมูลระบบ Automatic Lane Control ในขณะที่ บช.ก. จะจัดให้มีมาตรการ ในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวมิให้ถูกละเมิด เป็นไปตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรม อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพ ในการสืบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน และนำมาซึ่งความมั่นคงและความปลอดภัยของสาธารณะ