การบินเอเชียเริ่มฟื้น สายการบินแห่เพิ่มเที่ยวบิน หลังจากเหลือเวลาประมาณสองอาทิตย์ก็จะหมดปี2565 และเริ่มต้นปี2566 ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความชื่นชมยินดีช่วงเทศกาลฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
ทั้งนี้ มีรายงานข่าง ระบุว่า ตั้งแต่สิงคโปร์ถึงญี่ปุ่น สายการบินต่างแข่งกันเพิ่มเที่ยวบินให้ได้มากที่สุดและหนึ่งในกลยุทธเพิ่มรายได้ผ่านการเพิ่มเที่ยวบินคือการจับมือเป็นพันธมิตรกับสายการบินอื่น และการผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลปักกิ่งอาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นธุรกิจเดินทางทางอากาศได้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์และกลุ่มสังเกตุการณ์กลุ่มต่างๆในอุตสาหกรรม กำลังจับตามองราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด รวมทั้งภาวะขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจจะฉุดรายได้ของสายการบินในช่วงที่สายการบินต่างๆพยายามรับมือกับการฟื้นตัวของธุรกิจการบินอย่างค่อยเป็นค่อยไป
"ชูกอร์ ยูซุป" จาก Endau Analytics กล่า่วว่า “ทั้งสองตัวแปรจะเป็นตัวตัดสินว่าสายการบินจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารโดยไม่ส่งผลกระทบต่องบดุลบัญชีได้หรือไม่ สายการบินที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งอย่างสิงคโปร์ แอร์ไลน์ (เอสไอเอ)อาจจะมีขีดความสามารถในการเพิิ่มความถี่ของเที่ยวบินได้อย่างสบาย รวมทั้งเพิ่มจุดหมายปลายทางใหม่ๆได้ถ้าหากว่าความต้องการเดินทางของผู้โดยสารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”
เอสไอเอ และทาทา ซันส์ ของอินเดีย ประกาศผนวกสายการบินแอร์ อินเดียกับวิสทารา เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และภายใต้การทำข้อตกลงผนวกและควบรวมกิจการครั้งนี้ เอสไอเอ ลงทุน 250 ล้านดอลลาร์ในแอร์ อินเดีย ซึ่งทำให้เอสไอเอได้เข้าไปถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจของแอร์ อินเดียในสัดส่วน 25.1% แน่นอนว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้ ช่วยให้สายการบินทั้งสองแห่งสามารถแข่งขันได้ในตลาดการบินเอเชียใต้ที่มีการแข่งขันสูง
การเคลื่อนไหวของเอสไอเอและแอร์ อินเดีย เกิดขึ้นหลังจากสายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ ประกาศเพิ่มเที่ยวบิน 1,500 เที่ยว เพื่อตอบสนองอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสารท้องถิ่นในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
รายงานระบุว่า การเพิ่มเที่ยวบิน 1,500 เที่ยวนี้คิดเป็น 224,000 ที่นั่ง โดยจะให้บริการตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. – 5 ก.พ. ปี 2566 ในเส้นทางต่างๆ เช่น เส้นทางระหว่างฮานอย, ดานัง, โฮจิมินห์ซิตี้, ไฮฟอง, วิญ, ทัญฮว้า และเว้
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งเวียดนาม (CAAV) ประกาศเมื่อปลายเดือนต.ค.ว่า สายการบินในประเทศมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนที่นั่งผู้โดยสารเครื่องบินเป็น 6.7 ล้านที่นั่งจาก 5.1 ล้านที่นั่ง เพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางทั้งช่วงก่อนและระหว่างเทศกาลตรุษจีนปีหน้า
การเพิ่มเที่ยวบิน 8,079 เที่ยวในช่วงตรุษจีนนี้ จะทำให้จำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นแตะ 1,087 เที่ยว จาก 826 เที่ยว
พนักงานชาวเวียดนามจะหยุดงานระหว่างวันที่ 20-26 ม.ค. ปีหน้า เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน โดยวันตรุษจีนของชาวเวียดนามตรงกับวันที่ 22 ม.ค. ปีหน้า และชาวเวียดนามจะฉลองปีแมว ไม่ใช่ปีเถาะดังเช่นประเทศอื่นๆ
ขณะที่กลุ่มแอร์เอเชีย เอวิเอชั่น ธุรกิจสายการบินภายใต้แคปปิตอล เอ เบอร์ฮาร์ด ลงนามความร่วมมือกับบริษัทศิวิลัย เอเชีย เพื่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย กัมพูชา สายการบินราคาประหยัดรายใหม่ ในกัมพูชา เมื่อสัปดาห์ก่อน
สายการบินใหม่แห่งนี้จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เอเชียในประเทศกัมพูชา และในภูมิภาคอินโดจีนแก่แอร์เอเชีย ทำให้แอร์เอเชียเข้าถึงตลาดภายในประเทศได้มากขึ้น และเชื่อมโยงแอร์เอเชียกับตลาดต่างประเทศทั่วอาเซียน และภูมิภาคเอเชียเหนือ
แอร์เอเชียกัมพูชา ตั้งเป้าที่จะกระตุ้นอุตสาหกรรมการบินของกัมพูชา และนำการดำเนินงานในรูปแบบสายการบินราคาประหยัดมาสู่ประเทศกัมพูชา โดยคาดว่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้ จะเริ่มการปฏิบัติการได้ในปี 2566
“โทนี่ เฟอร์นานเดส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)กลุ่มแคปปิตอล เอ เบอร์ฮาร์ด กล่าวว่า กัมพูชาเป็นประเทศที่ 5 ที่แอร์เอเชียเข้ามาทำธุรกิจ และบริษัทจะยังคงก้าวต่อไปในการเป็นผู้ให้บริการด้านการผู้ขนส่งผู้คน และสินค้าอันดับหนึ่งของภูมิภาค ทั้งยังเป็นแกนหลักในการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศในอาเซียน
ซีอีโอแอร์เอเชีย กล่าวด้วยว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จะเป็นช่วงที่สายการบินมุ่งเน้นการเติบโต และมั่นใจว่าจะได้เห็นผลกำไรในปีแรก เนื่องจากกัมพูชาเป็นตลาดที่สายการบินคุ้นเคยและมีโครงสร้างพื้นฐานเชิงลึกอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุผลที่สายการบินในอนาคตทั้งหมดของแอร์เอเชียจะตั้งอยู่ในอาเซียน เนื่องจากสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อมโยงเครือข่ายขนาดใหญ่กับจุดสำคัญๆ ของกัมพูชา ได้แก่ พนมเปญ เสียมราฐ และสีหนุวิลล์