รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แทนนายดิสทัต โหตระกิตย์ ที่จะไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ให้มีผลภายหลังจากนำคำสั่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ คาดว่าจะเป็นวันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2565
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เก็บข้าวของของนายดิสทัตไว้ที่ตึกสำนักงานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คาดว่าจะเป็นห้องทำงานของนายดิสทัต
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง นายดิสทัต โหตระกิตย์ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 162/2562 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2562 แต่งตั้ง นายดิสทัต โหตระกิตย์ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไปนั้น เนื่องจาก นายดิสทัต โหตระกิตย์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2565
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 10 (2) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 จึงให้นายดิสทัต โหตระกิตย์ ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก
และเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงแต่งตั้ง นายดิสทัต โหตระกิตย์ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
อนึ่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2502 เรียนจบระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เริ่มเข้าสู่สนามการเมือง ตั้งแต่ปี 2539 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกเป็น ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 3 เมื่อปี 2550 ก่อนจะลาออกในปี 2562 จากนั้นในปีเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ย้ายสังกัดพรรคการเมืองมาอยู่ที่ พรรคพลังประชารัฐ