เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร พล.ต.ต.สรร พูลศิริ, พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1, ร่วมกันสั่งการให้ พ.ต.อ.ณรงค์เวทย์ โอนสูงเนิน รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สืบสวน.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนติดตาม จับกุมขบวนการหรือกลุ่มบุคคลค่างด้าวที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือขบวนการนำพา ช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวให้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือให้ที่พักพิง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ต่อมา พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รองผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำกำลังกระจายลงพื้นที่หาข่าวกวดขันบังคับใช้กฎหมายและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการแจ้งข้อมูลที่พักอาศัยของบุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติ จนทราบข้อมูลจากพลเมืองดีว่าพบกลุ่มแก๊งลักษณะรูปพรรณสัณฐานคล้ายชาวจีนมีพฤติกรรมหมกตัวอยู่ภายในห้องพักตลอดทั้งวัน โดยผลัดเปลี่ยนออกมารับอาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอความร่วมมือจากเจ้าของห้องพักเข้าไปตรวจสอบ สอบถามเจ้าของห้องพักดังกล่าวทราบว่าไม่เคยปล่อยเช่าห้องดังกล่าวให้กับชาวต่างชาติ จึงไปตรวจสอบพบบุคคลต่างด้าวออกมาจึงแสดงตัวขอตรวจสอบเอกสารทราบชื่อนายหวู (นามสมมติ) เป็นชาวมาเลเซีย เชื้อสายจีน ให้การว่าพักอาศัยอยู่คนเดียวโดยเป็นนักเรียนภาษาไทยกับสถาบันสอนภาษามีชื่อแห่งหนึ่ง ระหว่างเจ้าหน้าที่ตม.พูดคุย นายหวู มีท่าทีพิรุธไม่สบตาพยายามโทรศัพท์ส่งสัญญาณตลอดเวลาประกอบกับห้องดังกล่าวมีรองเท้าและสิ่งของวางเกลื่อน เชื่อว่ามีคนอื่นๆอยู่ในห้อง ต่อมาตำรวจได้ยินเสียงคนเคลื่อนไหวในห้องซึ่งปิดประตูล็อคอยู่นายหวูปฏิเสธว่าไม่มีใครอยู่ในห้องดังกล่าว จึงอนุญาตเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพักให้ตำรวจนำกุญแจมาเปิด ภายในห้องพบเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและหูฟังแบบครอบศีรษะนับสิบชิ้น วางอยู่และพบชายชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนอีก 4 คนซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะทำงาน ตรวจสอบพบว่าหนึ่งในจำนวนนั้นคือนายกวง (นามสมมติ) เป็นผู้ลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรทางเรือ เข้ามาที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนที่เหลือเป็นชาวมาเลเซีย ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเพื่อเรียนภาษาไทยกับโรงเรียนสอนภาษามีชื่อเช่นกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดคอมพิวเตอร์ และทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อส่งพนักงานสอบสวนตรวจสอบ ชั้นจับกุมแจ้งข้อหานายกวง ว่าเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย โดยไม่ผ่านช่องทางการตรวจอนุญาตจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง, ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อกล่าวหากับนายหวูกับพวกอีก 4 ราย ข้อหา ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายพ้นจากการถูกจับกุม ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์ของกลางที่ตรวจยึดมาพบข้อมูลในเครื่องเป็นภาพผู้เสียหายซึ่งทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ ทั้งชาวสิงคโปร์ และมาเลเซีย จากการถูกทวงหนี้ โดยข่มขู่ว่าจะทำร้าย หรือเผาทำลายทรัพย์สิน หากไม่คืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย บางภาพถ่ายพบเป็นภาพผู้จะกู้ยืมเงินถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้า พร้อมถือบัตรประชาชนไว้ในมือ เพื่อใช้ในการแบล๊กเมล์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานงานกับทางการมาเลเซียเพื่อตรวจสอบว่าผู้ถูกจับทั้งหมดมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติองค์กรใด มีหมายจับติดตัวหรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลต่อไป นอกจากนี้สตม.โดยบก.ตม. 1 ยังดำเนินการตรวจสอบและเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร กับผู้ต้องหาในแก๊งดังกล่าวทั้งหมด เนื่องจากมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ขัดต่อหลักเกณฑ์และเหตุผลของการขออนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับโรงเรียน มูลนิธิ หรือสถานที่พักอาศัยที่มีการลักลอบแอบแฝง หรือเอื้อให้คนต่างด้าวเข้ามาใช้กรุงเทพมหานคร เป็นฐานในประกอบธุรกิจที่ขัดต่อกฎหมาย หรือมีลักษณะเป็นภัยสังคมเช่นนี้
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน