"กกพ." ไฟเขียวขึ้นค่าเอฟทีงวดก.ย.-ธ.ค.60 อีก 8.87 สตางค์ต่อหน่วย ระบุส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยที่ผู้ใช้ทุกประเภทต้องจ่ายอยู่ที่ 3.5966 บาทต่อหน่วยเหตุจากราคาก๊าซฯขึ้นเป็นหลัก ส่งสัญญาณแนวโน้มงวดต้อนรับปีใหม่ ม.ค.-เม.ย.61 จ่อขึ้นอีก 12-13 สต.
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษกกกพ.เปิดเผยภายหลังการประชุมกกพ.ว่า กกพ.ได้คำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ Ftที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟจากประชาชนงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.60 ปรับเพิ่มขึ้น 8.87 สตางค์ต่อหน่วยส่งผลFt อยู่ที่ลบ 15.90 สตางค์ต่อหน่วยส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยผู้ใช้ทุกประเภทอยู่ที่ 3.5966 บาทต่อหน่วย(ไม่รวมvat)โดยกกพ.จะประกาศรับฟังความเห็นผ่านเว็บไซต์กกพ.12-26 ก.ค.ก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการ1สิงหาคมนี้ ส่วนแนวโน้ม Ft ในงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2561ยังมีทิศทางปรับขึ้นโดยคาดการณ์ไว้ว่าจะขึ้นประมาณ 12-13 สตางค์ต่อหน่วย
"ค่าไฟงวดนี้ปรับขึ้นจากงวดก่อน 2.53% ซึ่งเป็นการคำนวณเบื้องต้นเพราะต้องกำหนดให้เร็วขึ้นจากปกติหนึ่งเดือนเพื่อให้เอกชนมีเวลาเตรียมตัวซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐที่ต้องการยกระดับความยากง่ายของธุรกิจ โดยงวดหน้าก็ยังเป็นขาขึ้นเพราะดูจากทิศทางราคาก๊าซฯที่สะท้อนน้ำมันย้อนหลัง 8-12 เดือนยังปรับขึ้นอีก ยกเว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่มองไว้โดยเฉพาะหากค่าเงินบาทแข็งค่าต่ำกว่า 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐก็จะมีผลต่อค่าไฟไม่ขึ้นไปมากกว่านี้เช่นกับงวดนี้เดิมเราก็คาดไว้ว่าจะขึ้นกว่า 13 สตางค์ต่อหน่วยแต่บาทแข็งค่าจึงช่วยให้ขึ้นน้อยกว่าที่มองไว้" นายวีระพลกล่าว
นายวีระพล กล่าวว่า สำหรับปัจจัยหลักๆ ที่ค่าไฟขึ้นมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงผลิตหลักอยู่ในช่วงขาขึ้นโดยราคาก๊าซปรับขึ้น 3.80 บาทต่อล้านบีทียู ถ่านหินนำเข้าราคาเพิ่มขึ้น70 กว่าบาทต่อตัน ขณะท่ีค่าเงินบาทแข็งค่ากว่างวดก่อนประมาณ 0.12 บาทต่อเหรียญสหรัฐหรืออยู่ที่ 34.19 บาทต่อเหรียญฯซึ่งช่วยได้ไม่มากนัก
"สัดส่วนพลังน้ำที่จะช่วยให้ค่าไฟลดลงในงวดที่คำนวณลดลงตามฤดูกาลและการใช้ถ่านหินซึ่งมีต้นทุนต่ำก็ลดลงจากการหยุดบำรุงรักษาไฟฟ้าตามแผนในช่วงฤดูหนาวที่มีความต้องการใช้ไฟต่ำ และราคาก๊าซฯ ส่วนหนึ่งก็มาจากก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)นำเข้าที่สูงขึ้นก็มีราคาเพิ่มขึ้นเช่นกัน "นายวีระพลกล่าว