จังหวัดสระบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อย่างเช่น น้ำตกเจ็ดสาวน้อย สวนไม้ดอก ไม้ประดับ ฟาร์มเกษตรของเอกชน วัดพระพุทธบาท แต่น้อยคนจะรู้ว่า สระบุรีเป็นจังหวัดที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลาวเวียง ลาวพวน ลาวแง้ว ไทยวน เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์ จึงเป็นมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวชุมชนที่ไม่อาจจะมองข้าม
นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ให้ความสำคัญในเรื่องการกระจายรายได้จากภาคการท่องเที่ยวเข้าไปสู่ชุมชน จังหวัดสระบุรีจึงได้หันมาส่งเสริมรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยชูความหลากหลายของขนบธรรมเนียม ประเพณีของกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ จังหวัดสระบุรีจึงได้เรียนเชิญ สื่อมวลชน รายการโทรทัศน์ ยูทูปเบอร์ ผู้รวมทั้งประกอบการด้านการท่องเที่ยวและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าไปสัมผัสการท่องเที่ยว ภายใต้คอนเซ็ป “เสน่ห์ชาติพันธุ์ สระบุรี” ด้วยความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
นายกสิเดช จารุเพ็ง ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.สระบุรี กล่าวเสริมว่า โปรแกรมท่องเที่ยวเสน่ห์ชาติพันธุ์ที่จัดขึ้นนี้ มุ่งเปิดเส้นทางการท่องเที่ยววิถีใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งอยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เส้นทางท่องเที่ยวใหม่นี้ นักท่องเที่ยวจะได้เยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ อย่างเช่น วัดพระพุทธบาทมหาวิหาร, วัดสุวรรณคีรี บ้านกลับเก่า, วัดตาลเสี้ยน, วัดสูง (เสาร้องไห้) และเยี่ยมชมบ้านทรงไทย อายุกว่า 100 ปี รวมถึงวิถีเกษตรพอเพียง “โคก หนอง นา โมเดล” ของนายนคร หุ่นนาครินทร์
นอกจากนี้ยังได้สัมผัสเส้นทางย้อนประวัติศาสตร์บนถนนพระเจ้าทรงธรรม, ชมบ่อน้ำโบราณศักดิ์สิทธิ์ (บ่อดงโอบ), โยนกอุทยานท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ้านท่าราบ), เยี่ยมชมขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยวน ณ หอวัฒนธรรมไทยวน ซึ่งอาจารย์ทรงชัย วรรณกุล ได้ก่อตั้งขึ้น และแวะซื้อของกินของใช้ ที่ตลาดน้ำโบราณบ้านต้นตาล
“นักท่องเที่ยวจะตื่นตาตื่นใจกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งผูกโยงกับประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ ในจังหวัดสระบุรี รวมทั้งรับชม การทอผ้า การแต่งกาย การแสดงศิลปวัฒนธรรม การทำอาหาร อุดหนุนสินค้าผลิตภัณฑ์ของชุมชน ซึ่งแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ได้อนุรักษ์และสืบสานต่อกันมา รุ่นต่อรุ่น จนถึงปัจจุบัน” นายกสิเดช กล่าว