ศาลปกครองสูงสุดออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีนัดแรก ในคดีที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ขณะนั้นเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. คดีที่ นายพัฒนา สัพโส ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สกลนคร คดีที่นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุโขทัย และคดีที่ นายพัฒ ตั้งเบญจผล ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์จาก จ.สุโขทัย ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีขอให้เพิกถอนประกาศ กกต. เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร, จ.สกลนคร และ จ.สุโขทัย ลงวันที่ 16 มี.ค. 2566 ตามลำดับ
ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ มีเพียงผู้ฟ้องคดี 3 ราย เดินทางมาแถลงปิดคดีที่ศาลด้วยตัวเอง คือ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี, นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ และนายพัฒ ตั้งเบญจผล โดยต่างแถลงปิดคดีตรงกันว่า ประกาศ กกต. เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้ง ลงวันที่ 16 มี.ค. 2566 การแบ่งเขตการเลือกตั้ง รูปแบบที่ 1 เป็นการรวมแขวง/ตำบล เพื่อกำหนดเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ได้ยึดหลักเกณฑ์รวมเขตปกครองครอง/อำเภอต่างๆ เป็นเขตการเลือกตั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 27 กำหนด เป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง และกระทบสิทธิของประชาชนสร้างความสับสนในการใช้สิทธิเลือกตั้ง และกระทบต่อจำนวนราษฎรผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะที่ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจาก กกต. ขอส่งแถลงการปิคคดีทั้ง 4 คดีเป็นลายลักษณ์อักษร
จากนั้น องค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนคดีให้ตุลาการผู้แถลงคดี ซึ่งเป็นตุลาการนอกองค์คณะ แถลงความเห็นส่วนตัวที่องค์คณะจะนำไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นในทั้ง 4 คดี ว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2566 มีความแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ทั้งในจำนวนราษฎรในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่มีกำหนดว่า ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น หรือต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี รวมทั้งส่วนของจำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่มจาก 30 คน เป็น 33 คน ขณะที่ จ.สกลนคร เพิ่มจากเดิม 6 คน เป็น 7 คน และ จ.สุโขทัย เพิ่มจากเดิม 3 คน เป็น 4 คน ประกอบกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 (5) กำหนดว่า จังหวัดใดมีการเลือกตั้ง ส.ส.ได้เกิน 1 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งเท่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมี โดยต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน
ดังนั้น เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้งต่อจำนวน ส.ส. 1 คนเป็นตัวตั้ง ทั้งในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร จ.สกลนคร และ จ.สุโขทัย ตามประกาศ กกต. เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งลงวันที่ 16 มี.ค. 2566 พบว่า จำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร จ.สกลนคร และ จ.สุโขทัย มีจำนวนมาก หรือมีจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 10 ของค่าเฉลี่ยจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง 162,766 คน ต่อจำนวน ส.ส. 1 คน จนเกินไป การที่ กกต. ออกประกาศเรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้ง ลงวันที่ 16 มี.ค. 2566 ในส่วนของกรุงเทพมหานคร 33 เขตเลือกตั้ง จ.สกลนคร 7 เขตเลือกตั้ง และ จ.สุโขทัย 4 เขตเลือกตั้ง จึงเป็นการประกาศที่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นควรที่ศาลปกครองสูงสุดจะพิจารณายกฟ้องในคดีนี้
ทั้งนี้ หลังจบกระบวนนั่งพิจารณาคดี องค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนได้แจ้งคู่กรณีทุกฝ่ายว่า ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีในวันที่ 7 เม.ย.นี้.