โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ผลักดันกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เน้นไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ สร้างคุณค่าเศรษฐกิจ ส่งเสริมสุขภาพระดับโลก เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยขับเคลื่อนตามเป้าหมายทางการแพทย์ สุขภาพ และเร่งเติมเต็มธุรกิจทางการแพทย์ในไทยให้เป็นศูนย์กลางอาเซียน ผ่านการสร้างมูลค่าจากสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม GDP เป็น ร้อยละ 1.7 ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำชับให้สร้างคุณค่าให้แก่สินค้าและบริการเชิงคุณภาพ พร้อมสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และพัฒนาบริหารภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพให้มีความพร้อม รวมทั้ง กระจายผลประโยชน์สู่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายในประเทศอย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรม
โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หนึ่งในหมุดหมายสำคัญ คือ การพัฒนาไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง โดยส่งเสริมการผลิตบุคลากร ยกระดับมาตรฐาน รวมถึงสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์ ต่อยอดจากผลการศึกษาวิจัยและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาใช้ในกระบวนการรักษาพยาบาลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ในการยกระดับสู่การให้บริการบนฐานนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถือเป็นหน่วยงานหลักที่กำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนระบบทางการแพทย์ และสุขภาพของไทยให้กลายเป็นศูนย์กลาง ผ่านการสร้างมูลค่าจากสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ซึ่งได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม GDP เป็นร้อยละ 1.7 สร้างองค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และพัฒนาบริหารภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพให้มีความพร้อม
นอกจากนี้ จากข้อมูลพบว่า มูลค่าของตลาดอุตสาหกรรมความงามไทยเติบโตขึ้นร้อยละ 5 มูลค่าสูงกว่า 1.4 แสนล้านบาท โดยคาดการณ์ว่า ไทยมีศักยภาพมากพอในการเป็นศูนย์กลางด้านความงามของอาเซียน เพราะตลาดผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางเติบโตขยายตัวมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2570 คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1.6 แสนล้านบาท
“รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายภายใต้บริบทโลกใหม่ ที่ส่งผลต่อวิถีการใช้ชีวิตของประชาชน และระบบสุขภาพ รวมทั้ง กำหนดยุทธศาสตร์ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่ไทยมีศักยภาพ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมุ่งเน้น ระบบบริการสุขภาพที่สมดุล เป็นธรรม ทั้งทางเศรษฐกิจและสุขภาพของคนไทย รวมทั้ง สนับสนุนให้ยกระดับศักยภาพให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูงในภูมิภาค” นายอนุชาฯ กล่าว