ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
ครม.เห็นชอบหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม
30 พ.ค. 2566

“ทิพานัน” เผย ครม.เห็นชอบแนวทางพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมให้มีความรู้ ความสามารถ คุณธรรมและจิตสานึกที่ดีในการให้บริการแก่ประชาชน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) เสนอ ครม. พิจารณาปรับปรุงมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 เรื่องแนวทางการเตรียมบุคลากรก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม : การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมให้มีความรู้ ความสามารถ คุณธรรมและจิตสานึกที่ดีในการให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งเป็นการดาเนินการตามยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาบุคลากรและเผยแพร่องค์ความรู้ในงานยุติธรรมของแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2558-2561
 
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า หลังจากที่มีมติ ครม. ดังกล่าว สนง.กิจการยุติธรรม ในฐานะฝ่ายเลขาฯ กพยช. ได้ดำเนินการติดตามผลการดำเนินการของสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีการเรียนการสอนสาขาวิชานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ตั้งแต่ปีงบฯ 2561-2564 สรุปได้ว่ามีสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 10 แห่ง จาก 117 แห่ง ที่สามารถดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวได้ เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคหลายประการ โดยสถาบันอุดมศึกษาที่เหลือที่ยังไม่สามารถบรรจุหัวข้อวิชาที่เป็นองค์ความรู้ด้านกระบวนการยุติธรรมไว้ในหมวดวิชาบังคับ (ตามมติ ครม. 4 ม.ค. 60) จึงได้เลือกดำเนินการในรูปแบบอื่น ๆ แทน   ต่อมา กพยช. ในคราวประชุมครั้งที่ 2/65 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 จึงได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบแนวทางการปรับปรุงมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาสามารถปฏิบัติตามนัยมติ ครม. ดังกล่าวได้ ดังนี้
1. ให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีสาขาวิชานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ สามารถเลือกพิจารณาบรรจุหัวข้อวิชาที่เป็นองค์ความรู้ด้านกระบวนการยุติธรรมตามมติ ครม. (4 ม.ค. 60) ไว้ในหมวดวิชาบังคับ หมวดวิชาเฉพาะ หมวดวิชาศึกษาทั่วไป หรือหมวดวิชาเลือกเสรี
2. นำประมวลรายวิชาที่เป็นองค์ความรู้ด้านกระบวนการยุติธรรมตามมติ ครม. ดังกล่าวไปสอดแทรกในรายวิชาที่มีการเรียนการสอนอยู่แล้วในหมวดวิชาบังคับ หมวดวิชาเฉพาะ หรือหมวดวิชาอื่น ๆ
3. ให้สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ประกาศเป็นนโยบายให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีสาขาวิชาดังกล่าวดำเนินการตามมติ ครม. และติดตามผลการดำเนินงาน การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และให้สอบถามความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค การดำเนินงาน
4. ให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีสาขาวิชานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ รายงานความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรคของการดำเนินการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้รับทราบทุกปีงบฯ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวง อว. หารือวิธีการรายงานผลการดำเนินงานตามมติ ครม. ดังกล่าวร่วมกับสำนักงานกิจการยุติธรรม
 
“การปรับปรุงมติ ครม. (4 ม.ค. 60) จะส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีการเรียนการสอนในสาขาวิชานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มีความยืดหยุ่นในการพิจารณาดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรไว้ในหมวดวิชาต่าง ๆ ได้นอกเหนือจาก หมวดวิชาบังคับ โดยยังคงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมติ ครม. ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพการเรียนการสอนในหมวดวิชาดังกล่าวให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในสถาบันการศึกษาทุกแห่งด้วย จึงเห็นควรให้ กพยช. อว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทาง/มาตรการที่จะสามารถเตรียมความพร้อมรองรับการผลิตบุคลากรก่อนเข้าสู่สายงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป” น.ส.ทิพานัน กล่าว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...