นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง พบว่า ปัจจุบัน (22 มิ.ย .66) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 39,194 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 37,143 ล้านลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,810 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 14,061 ล้าน ลบ.ม. พร้อมกำชับให้โครงการชลประทานปฏิบัติตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนด ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด นำข้อมูลมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำ อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ตรงเป้า สอดคล้องกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการเก็บกัก พิจารณาปรับการระบายให้เหมาะสมโดยไม่กระทบต่อคุณภาพน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฝนทิ้งช่วง ตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลประทาน ตลอดจนความพร้อมของเครื่องจักรเครื่องมือ ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่อง รณรงค์ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผน และเพียงพอสำหรับทุกกิจกรรมไปตลอดช่วงต้นฤดูฝนนี้