นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การฝังทำลายเนื้อกระบือของกลางลักลอบนำเข้า เนื้อควายเถื่อน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันบังคับใช้กฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ กรมปศุสัตว์ เข้มงวดกวดขันการลักลอบนำเข้าสัตว์มีชีวิตและซากสัตว์อย่างผิดกฎหมายเพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคระบาดสัตว์ และปกป้องผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากสัตว์มีชีวิตและซากสัตว์ที่ลักลอบนำเข้าไม่ผ่านการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ อาจมีเชื้อโรคระบาดต่อสัตว์และไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
รวมถึงแทรกแซงกลไกราคาจำหน่ายภายในประเทศอย่างไม่เป็นธรรม สร้างความเสียหายต่อระบบการเลี้ยงปศุสัตว์ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำเข้า ทางด่านท่าเรือ ด่านสนามบิน และด่านทางบก อย่างต่อเนื่องและจริงจัง และยึดของกลางมาทำลายได้เป็นจำนวนมาก
สำหรับการตรวจค้นและจับกุม ผู้ลักลอบนำเข้าเนื้อกระบือตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ร่วมกับตำรวจ ทหาร ศุลกากร เข้าตรวจสอบผู้ประกอบการ 88 ครั้ง จับกุมเนื้อกระบือ ซึ่งมีแหล่งผลิตจากต้นทางจากประเทศอินเดียลักลอบนำเข้า 354,147 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 53.2 ล้านบาท และดำเนินการกับเนื้อกระบือของกลาง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ได้ทยอยฝังทำลายเป็นระยะต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 หลังคดีสิ้นสุดไปแล้ว จำนวน 244,068 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 38.7 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 ได้รวบรวมเพื่อนำมาฝังทำลายในวันนี้ จำนวน 110,079 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 14.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ การฝังทำลายเนื้อกระบือของกลางลักลอบนำเข้า เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก เป็นวิธีที่เหมาะสมในการทำลายซากและของเสียจากสัตว์ ทำได้ง่าย ประหยัด และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เนื้อกระบือลักลอบนำเข้า จะถูกนำไปหลอกจำหน่ายเป็นเนื้อโค ในราคาที่ถูกกว่าเนื้อโคจริง โดยที่ผู้บริโภคอาจไม่ทราบว่าเป็นเนื้อกระบือลักลอบนำเข้า ทำให้เกิดการแทรกแซงราคาและกลไกการตลาดของเนื้อโคในประเทศอย่างไม่เป็นธรรม ผู้บริโภคมีความเสี่ยงที่จะไม่ปลอดภัย เสี่ยงที่เชื้อโรคระบาดสัตว์ อาจแพร่กระจายสู่ฟาร์มเลี้ยงโค กระบือของเกษตรกรได้