ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ต่อไป
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (26 มิ.ย.66) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 38,877 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การ 14,937 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 37,460 ล้าน ลบ.ม. สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยาสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,636 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การ 3,940 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 22 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 14,235 ล้าน ลบ.ม. สำหรับสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้และไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ ในที่ประชุมจึงมีมติพิจารณาปรับลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมกับติดตามสถานการณ์ความเค็มอย่างใกล้ชิดไม่ให้เกินเกณฑ์เฝ้าระวังที่สถานีควบคุม เพื่อเป็นการประหยัดน้ำต้นทุนและกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้ได้มากที่สุด
จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ปรากฎการณ์เอลนีโญอาจจะส่งผลให้ทั้งประเทศไทยเกิดฝนตกน้อยกว่าค่าปกติยาวนานจนถึงปีหน้า จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่บริหารจัดการน้ำในระบบด้วยความประณีตและมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 อย่างเคร่งครัด พร้อมกับดำเนินการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำในแม่น้ำลำคลองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง