พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แนะนำให้ไปขอเอกสารจากสำนักงานอัยการคดีพิเศษ ซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ฯ โดยได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ไปขอข้อมูลมาแล้ว อยู่ระหว่างเตรียมถ่ายเอกสารซึ่งมีเป็นหมื่นหน้า ขณะเดียวกันจะดูข้อมูลเส้นทางการเงินจาก ธปท. เป็นหลัก เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินในคดีนี้ เบื้องต้นจึงขอตรวจสอบทั้งข้อมูลจากสำนักงานอัยการฯ และเส้นทางการเงินของ ธปท. รวมถึงคำให้การของผู้ที่เกี่ยวข้องในคณะทำงานสอบสวนดีเอสไอชุดเก่า ก่อนจึงจะรู้ว่าสามารถเรียกใครเข้ามาให้ปากคำได้บ้าง

  ขณะที่ แหล่งข่าวระดับสูงจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับเส้นทางการเงินของ ธปท. พบว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องประมาณ 50 ราย โดยมีทั้งเครือข่ายนักการเมือง เอกชน และพนักงานธนาคารกรุงไทยเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ดีข้อมูลในส่วนนี้เป็นข้อมูลดิบที่ ธปท. สอบปากคำมาทั้งหมด ยังไม่ได้คัดกรองว่าใครทุจริตหรือไม่ ดีเอสไอจึงต้องนำมากรอง และเชื่อมโยงผู้ต้องสงสัยอีกครั้ง ก่อนที่จะเรียกมาสอบปากคำ

  ส่วนจะสาวถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร กับคนใกล้ชิดตระกูลชินวัตรรวม 4 ราย หรือไม่นั้น แหล่งข่าว ระบุว่า ต้องดูเจตนา หากเห็นว่าเป็นการโอนเงินเพื่อชดใช้หนี้ ก็ไม่เข้าข่ายการฟอกเงิน เพราะเขาอาจมีหนี้สินติดกันอยู่ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นการโอนเงินให้ลอย ๆ ไม่มีเหตุผลอะไร ก็ต้องเรียกมาสอบสวน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เรียกใครเข้ามา ทั้งนี้มีคนเข้ามาให้ปากคำในคดีนี้ตามสำนวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) คณะทำงานสอบสวนชุดเก่า และ ธปท. เกือบหมดแล้ว เหลือเพียงคนที่ต้องเรียกมาไม่กี่รายเท่านั้น

  ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับคดีธนาคารกรุงไทยทุจริตปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร มีเอกชนอย่างน้อย 4 รายที่ปรากฎในคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และยังไม่ปรากฎว่ามีความผิด ได้แก่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ (อดีตภรรยานายทักษิณ) นายวันชัย หงส์เหิน สามีนางกาญจนาภา และนายมานพ ทิวารี บิดา น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย