นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงคำพิพากษาจำคุกคดี “ข้าวจีทูจี” ที่มีนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจถูกตัดสินจำคุกคนละหลายสิบปีลดหลั่นกันไปว่า ต้องถือว่าเป็นคำพิพากษาที่เป็นบทเรียนสำคัญของสังคมไทย โดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนักการเมือง และข้าราชการ ที่มีพฤติกรรมทุจริตคอรัปชั่น
นอกจากนั้นคำพิพากษาจำคุกคดี “ข้าวจีทูจี” ยังมีส่วนอย่างสำคัญในการยับยั้งการทุจริตเชิงนโยบายที่สร้างผลเสียหายแก่ประเทศชาติ บ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง ในขณะที่ผู้มีส่วนร่วมกับการทุจริตเชิงนโยบายได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินเงินทองที่ทุจริตไปเป็นจำนวนมาก
คำพิพากษาจำคุกคดี “ข้าวจีทูจี” ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่มีนัยยะสำคัญดังนี้
1. เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าถึงแม้จะเป็นผู้บริหารระดับสูงของประเทศ ระดับรัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูง ถ้ามีการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยการเล่นแร่แปรธาตุ จัดฉาก สร้างหลักฐานเท็จ อำพรางข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อทุจริตแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบ ก็มีโอกาสถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษตามกฎหมายได้
2. เป็นบรรทัดฐานทำให้การทุจริตเชิงนโยบายที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมืองเป็นเรื่องที่กระทำได้ด้วยความยากลำบากมากขึ้นในอนาคต
3. เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้นักการเมืองข้าราชการ นักธุรกิจ พึงสำเหนียกว่าการร่วมมือกันทุจริตคอรัปชั่นอาจเจอชะตากรรมเช่นเดียวกับจำเลยในคดีข้าวจีทูจี
นายองอาจ กล่าวต่อไปว่าคำพิพากษาคดีข้าวจีทูจีครั้งนี้ จึงถือเป็นคุณูปการที่สำคัญของการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทำให้ระบบนิติรัฐ นิติธรรม ของไทยเดินหน้าเป็นหลักให้บ้านเมืองต่อไปได้