ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 66 ได้มีตัวแทนชาวบ้านที่ปลูกบ้านเรือนอยู่ติดกับสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และสวนสุขภาพ ญสส.84 (เทศบาลเมืองปทุมธานี) ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรมและช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้ายหลังจากได้รับความเดือดร้อนที่ทางเทศบาลเมืองปทุมธานี ได้มาทำการสร้างกำแพง 2 ชั้น โดยใช้ งบประมาณซ้ำซ้อนโดยสิ้นเปลืองงบประมาณ และเหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกดังกล่าว ทำให้มีการสัญจรเข้าออกลำบาก พร้อมทั้งจะร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยตรวจสอบกรณีที่ก่อนหน้านี้เทศบาลเมืองปทุมธานี ได้ใช้พื้นที่ของสวนสุขภาพดังกล่าว ทำการถมดินจนคลองสาธารณะหายไป ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริง และได้พบกับ น.ส.เยาวลักษณ์ พึ่งสุข อายุ 80 ปี (อดีตอาจารย์พยาบาลคณะพยาบาลศาสตร์ศิราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล) อยู่บ้านเลขที่ 12 ถนนคลองวัดโส ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี พร้อมเพื่อนบ้านอีก 5 คน ได้กล่าวเปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจาก ก่อนหน้านี้เดิมทีสวนสุขภาพแห่งนี้เป็นเรือนจำจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุโดยกรมธนารักษ์ดูแลรวมทั้งพื้นที่ของชาวบ้านที่ปลูกอยู่ร่วม 10 หลังคาเรือนโดยอยู่กันมานานกว่า30ปี และต่อมาทางเรือนจำฯ ได้ย้ายไปอยู่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จากนั้นทางเทศบาลเมืองปทุมธานีก็ได้นำงบประมาณมาปรับทำเรือนจำเป็นสวนสุขภาพ พร้อมกับมาสร้างกำแพงที่อยู่ติดกับบ้านเอนของชาวบ้านทำให้ทุกครัวเรือนเดือดร้อน ก่อนที่พวกตนจะทำเรื่องร้องเรียนไปยังนายกเทศมนตรีฯ คนเก่า เกี่ยวกับเรื่องไม่ให้ปิดกำแพง หลังจากนั้นได้มีการเปิดช่องให้ทั้งหมด 5 ช่อง ซึ่งชาวบ้านก็ยอมรับได้

แต่ต่อมาจากเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลเมืองปทุมธานี มาทำการขุดหลุมแล้วเตรียมฝังเสาเข็ม เพื่อจะทำกำแพงซ้อนขึ้นอึกชั้น ตนและชาวบ้านจึงได้ไปสอบถามกับ น.ส.เรวดี วงศาโรจน์ ผอ.กองช่าง ทม.ปทุมธานีก็ได้รับคำตอบว่าจะทำการสร้างกำแพงอีกชั้น แต่ไม่มีการทำประชาวิจารณ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะจะต้องนำงบประมาณปี 66 มาดำเนินการให้แล้วเสร็จ จึงสร้างความไม่พอใจและยังความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านบริเวณดังกล่าวอีกด้วย จึงได้มาร้องผ่านสื่อเพื่อขอให้ความเป็นธรรมและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการแก้ไข หรือฝากถึงสำนักนายกรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้องช่วยลงมาตรวจสอบเรื่องนี้

นอกจากนี้ชาวบ้านยังจะได้ยื่นหนังสือร้องไปยัง ป.ป.ชเพื่อขอให้ตรวจสอบเทศบาลเมืองปทุมธานี ที่นำงบประมาณมาสร้างรั้วกำแพงซ้ำซ้อนอีกด้วย พร้อมกันนี้พวกตนยังนำเรื่องทั้งหมดร้องไปทั้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองปทุมธานี กรมเจ้าท่า ศาลปกครองกลาง และ ป.ป.ช ที่มีการถมคลองวัดโส ที่มีความกว้างประมาณ10เมตรหายไปกับสวนสุขภาพอีกด้วย ซึ่งขณะที่พวกตนไปยื่นหนังสือตามหน่วยงานต่างๆและอยู่ในระหว่างดำเนินการ แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลพร้อมคนงานยังมาดำเนินการเตรียมเทเสาปูนเพื่อสร้างกำแพง

ทางด้าน พล.ต.ต พงษ์สวัสดิ์ หาญสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปทุมธานี พร้อม น.ส.เรวดี วงศาโรจน์ ผอ.กองช่างเทศบาลเมืองปทุมธานี ได้กล่าวเปิดเผยพร้อมชี้แจงว่า จากกรณีดังกล่าวนั้น ตนได้มีการจัดงบประมาณไปสร้างรั้วกำแพงจริง โดยสาเหตุที่ต้องสร้างนั้นเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและผู้ที่มาใช้สวนสุขภาพในการออกกำลังกายว่า มีการนำ เศษขยะต่างๆมาวางกองรวมในพื้นที่สวนสุขภาพ รวมทั้งมีการมั่วสุมของกลุ่มวัยรุ่น และมีคนจรจัดเข้ามานอนอยู่ในสวนสุขภาพ รวมทั้งกลุ่มเด็กนักเรียนชายหญิงต่างก็มาพรอดรักกัน ในสวนสุขภาพแห่งนี้อีกด้วย เนื่องจากเป็นสวนสุขภาพที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังมีสุนัขจรจัดและสุนัขที่ชาวบ้านเลี้ยงนำมาปล่อยถ่ายอุจจาระและที่สำคัญมาไล่กัดผู้คนที่มาออกกำลังกาย ดังนั้นจึงได้ ร่วมปรึกษาหารือพร้อมจัดงบประมาณเพื่อมาสร้างกำแพงและก่อนสร้างนั้นก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ และ สท.ในพื้นที่เข้าไปพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านที่มาร้องเรียนถึงสาเหตุที่มีความจำเป็นจะต้องสร้างกำแพงขึ้นมาอีกชั้นเพราะต้องการให้มีกาเปิดปิดเป็นเวลาสามารถป้องกันไม่ใช้เกิดเหตุอาชญากรรมได้ โดยทางเทศบาลไม่ได้ปิดกั้นทางเข้าออกของชาวบ้ายเพราะกำแพงที่จะสร้างขึ้นมาอีกชั้นนั้นจะมีช่องทางเดินกว้างประมาณ 1.20 เมตร รวมทั้งก่อนหน้านี้ก็มีการสร้างถนนสามารถเข้าออกได้สะดวกมีความกว้างกว่า 3 เมตรให้ชาวบ้านไปแล้วอีกฝั่ง ซึ่งตนนั้นได้ทำตาม กฎระเบียบและถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง แม้ว่าทางชาวบ้านจะไปร้องหน่วยงานใดตนก็พร้อมที่จะชี้แจงได้ทุกอย่างแบบโปร่งใส สำหรับเรื่องที่มีการกล่าวอ้างว่า เทศบาลไปถมที่ลุกล้ำลำคลองนั้น ตนได้มีการขอโฉนดที่ดินจากกรมที่ดินมาตรวจสอบแล้วก็ไม่พบว่า บริเวณดังกล่าวนั้นมีคลองวัดโส ตามที่ชาวบ้านอ้างแต่อย่างใด

สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / หน.ข่าวภูมิภาค