นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นสัญญาณที่ทำให้ทั้งคนภูเก็ต และภาคธุรกิจการท่องเที่ยวดีใจ มีความหวังมากขึ้น เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้ประกาศที่จะชูเรื่องการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปเอกชนมีความคาดหวังว่าในช่วง 1 เดือนแรกหลังเข้ารับตำแหน่งนายกฯ และฟอร์มทีมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว จะได้เห็นการทำทันทีใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.มาตรการด้านวีซ่า 2.การเพิ่มเที่ยวบิน และ 3.การสนับสนุนท่องเที่ยวผ่านงบประมาณมากขึ้น
นายธเนศกล่าวว่า 3 ข้อเสนอหลักที่เอกชนยกเป็นควิกวิน (Quick-Win) ได้แก่ 1.มาตรการด้านวีซ่า แบ่งเป็น 2 มิติ ได้แก่ หากสามารถฟรีวีซ่าได้ ก็อยากให้ออกเป็นวีซ่า เพื่อกระตุ้นเข้ามาเที่ยวไทย หรือเป็นเอ็กซ์เทนวีซ่า เหมาะสมกับประเทศลูกค้าหลักของไทย ได้แก่ จีน อินเดีย รัสเซีย คาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน เพราะมีจำนวนเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น อาทิ รัสเซีย อยู่เที่ยวไทยเป็นระยะเวลานาน มากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป รวมถึงการออกวีซ่าอื่นๆ อาทิ การเรียน ทั้งหลักสูตรในโรงเรียนจริง อย่างภาคอินเตอร์ที่ได้รับความนิยมเข้ามาเรียนจากต่างชาติมากขึ้น ซึ่งอยากให้ออกวีซ่าสำหรับครอบครัวที่จะเข้ามาดูแลนักเรียนนักศึกษาด้วย และไม่ใช่ให้แค่ 1 คน แต่อยากให้กำหนดจำนวนเหมาะสม และหลักสูตรที่ไม่ใช่การศึกษาโดยตรง อย่างการเข้ามาเรียนตามซอฟต์เพาเวอร์ของไทย ทั้งการทำอาหาร ศิลปะมวยไทย ที่ต้องใช้เวลาในการศึกษามากกว่าการท่องเที่ยวปกติ
นายธเนศกล่าวต่อว่า 2.การเพิ่มเที่ยวบิน และสายการบินตรง ยกตัวอย่างตอนที่มีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ การบินไทยบินเข้าภูเก็ต 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่พอเปิดประเทศแล้วการบินไทยก็ไม่ทำการบินอีก ขณะที่สายการบินต่างชาติอื่น มีการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเข้าภูเก็ตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากปลายประต้นทางที่บินเข้ามาแบบเฟิร์สคลาสแต่ต้องมาต่อเครื่องอีกรอบเพื่อเข้าภูเก็ต แต่เที่ยวบินต่อเครื่องไม่มีที่นั่งแบบที่ต้องการ มีขั้นตอนยุ่งยาก คนที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายก็อาจหันไปเที่ยวที่อื่นที่ง่ายกว่าแทน
และ 3.การสนับสนุนท่องเที่ยวผ่านงบประมาณมากขึ้น อยากเห็นรัฐบาลใส่งบประมาณเข้าไปในโครงการหรือหน่วยงานในภาคการท่องเที่ยว อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อดำเนินการกระตุ้นตลาดแบบเต็มที่กว่าเดิม
“ทั้ง 3 ข้อเสนอควิกวินนี้ รัฐบาลสามารถทำได้ทันที เพราะอยู่ภายใต้อำนาจการตัดสินใจของรัฐบาลอยู่แล้ว รวมถึงมีข้อเสนอระยะกลางและยาวจากเอกชนในภาคอื่นด้วย อาทิ การเสนอพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างภูเก็ตที่มีถนนในการสัญจรตั้งแต่หัวถึงท้ายเกาะอยู่เพียง 1 เส้น หากถนนชำรุดหรือต้องปิดบางช่วงเวลา จะกระทบกับการสัญจรสูงมาก เพราะไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว จึงอยากให้พิจารณาพัฒนาถนนเส้นใหม่เพิ่มขึ้นมา เพื่อช่วยกระจายนักท่องเที่ยวอีกทาง” นายธเนศกล่าว