ชาวบ้าน ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ช่วยกันซ่อมแซมฝายสากอ โดยไม่รอนโยบายจากภาครัฐ เนื่องจากฝายสากอชำรุดเสียหายจากเหตุอุทกภัยเมื่อปี 2557 และไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการซ่อมแซม ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีน้ำทำนา อีกทั้งเมื่อถึงหน้าน้ำก็ไม่มีที่กักเก็บน้ำ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมทั้งพื้นที่นา พื้นที่เกษตร และพื้นที่อยู่อาศัย โดยตัวฝายสากอเสียหายถูกปิดทับด้วยทราย ประตูระบายน้ำและแนวตลิ่งของฝายชำรุด ส่งผลให้ทางน้ำเปลี่ยนทิศทางทำให้ไม่สามารถส่งน้ำและกักเก็บน้ำได้

นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เมื่อฝายนี้เกิดความเสียหายไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ ทั้งปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วม ทำให้คนในพื้นที่เห็นถึงปัญหาและร่วมกันที่จะแก้ปัญหา จนเป็นที่มาของการซ่อมแซมฝายสากอ ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้เป็นการมองเห็นปัญหาก่อนที่นโยบายจะเข้ามา จนการดำเนินการได้รับความเห็นชอบจากมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ให้จัดทำโครงการซ่อมแซม ปรับปรุงและเสริมประสิทธิภาพฝายสากอ ซึ่งการซ่อมแซมฝายนี้เป็นการทำร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคประชาชนด้วยการนำศาสตร์พระราชามาปรับใช้ จนฝายสากอเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ 3 จังหวัดชายแดนใต้

ด้านนายสัญชัย เหสามี กำนันตำบลสากอ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแต่ละวันจะผลัดเปลี่ยนชาวบ้านมาช่วยกันทำฝาย วันละ 50 คน นับเป็นความเสียสละและเป็นความร่วมมือร่วมใจกันของชาวบ้าน ซึ่งก่อนที่จะดำเนินการซ่อมแซมนั้น คิดเพียงว่าจะซ่อมแค่ประตูเขื่อน แต่เมื่อมาร่วมกันคิดและดูหน้างานก็เห็นควรให้ซ่อมแนวตลิ่งด้วย โดยจะใช้ก้อนหินวางตลอดแนวฝั่ง เพื่อความมั่นคงและลดการกัดเซาะแนวตลิ่ง ทั้งนี้ฝายสากอ ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นับเป็นฝายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่ใช้การดำเนินการแบบชาวบ้านอาสา

สำหรับโครงการซ่อมแซมฝายสากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส อนุมัติให้ดำเนินการเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคมนี้ ได้รับงบประมาณ 10,661,100 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ โดยการทำงานจะใช้แรงงานชาวบ้านเป็นหลัก มีเจ้าหน้าที่และ อสพ.จากสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯร่วมด้วย

โครงการซ่อมแซมฝายสากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ถือเป็นกิจกรรมที่ชาวบ้านในพื้นที่เห็นถึงปัญหาและร่วมกันแก้ปัญหาโดยไม่ต้องรอนโยบายจากภาครัฐ ซึ่งกิจกรรมนี้จะได้ประโยชน์ทั้งการมีฝายส่งน้ำ กักเก็บน้ำ และที่สำคัญถือเป็นกิจกรรมที่สร้างความรักความสามัคคีให้กับชาวบ้าน เนื่องจากตำบลสากอนับเป็นพื้นที่ความขัดแย้ง